คู่มือเกษียณอายุสำหรับพนักงานโรงแรมนารายณ์
สิ่งที่จะต้องทำ เพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ หลังเกษียณอายุ
- เช็คเงินเดือนครั้งสุดท้าย ว่าจะได้รับเท่าไร? เนื่องจากทางโรงแรมมีเงินบำเหน็จตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้กับพนักงานที่ชดเชยตามกฎหมาย (คู่มือพนักงาน)
- เช็คจำนวนวันหยุดที่ไม่ได้ใช้ เพราะสามารถนำมาคำนวณเป็นเงินให้
- กรณีสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (สินสถาพร) จะได้รับเช็คคืนในเดือนถัดไป ภายในวันที่ 20 ของเดือน หรือสามารถโทรมาสอบถามได้ที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ โทร. 02-237-0100 ต่อ 8400 8405 8411
- ทางโรงแรมนารายณ์มีของที่ระลึกให้คือ พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 พร้อมกรอบหลุยส์ และประกาศนียบัตร
- ตรวจสอบสิทธิประกันสังคมดังนี้
หลังจากวันเกษียณอายุ รอทางโรงแรมนารายณ์แจ้งออกประมาณ 15 วัน แล้วไปติดต่อสำนักงานประกันสังคมเพื่อรับสิทธิ์เงินบำนาญชราภาพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน คือถ้ามีการจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพซึ่งเป็นเงินรายเดือนที่จะได้รับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเสียชีวิต แต่หากจ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ก็จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพซึ่งเป็นเงินก้อนที่มอบให้เพียงครั้งเดียว
สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม
กรณีชราภาพ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำนาญชราภาพ
- จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
ประโยชน์ทดแทนกรณีบำนาญชราภาพ
- กรณีจ่ายเงินสมทบ มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนใน อัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้น สุดลง
- กรณีที่มีการจ่าย เงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อ ระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำเหน็จชราภาพ
- จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย
ประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพ
- กรณีที่มีการจ่าย เงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ กรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
- กรณีผู้รับเงิน บำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับคราวสุดท้ายก่อนถึงแก่ความตาย
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีชราภาพ
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกันตนและของทายาทผู้มีสิทธิ (กรณีผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพถึงแก่ความตาย)
- ใบมรณะบัตรพร้อมสำเนา (กรณีผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพถึงแก่ความตาย)
- สำเนาสมุดบัญชี เงินฝากธนาคารหน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี (กรณีขอรับเงินทางธนาคาร) ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน 11 ธนาคาร ดังนี้
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารออมสิน (ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโปรแกรม)
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรห์การเกษตร (ธ.ก.ส.) (ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโปรแกรม)
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ คือ
- ผู้ประกันตน/ทายาทผู้มีสิทธิ ต้องกรอกแบบ สปส. 2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข) หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน
- เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณา
- สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
- พิจารณาสั่งจ่าย เงินสด/เช็ค (ผู้ประกันตน/ผู้มีสิทธิมารับด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทน) ส่งธนาณัติให้ผู้ประกันตน โอนเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนหมายเหตุ : เงินบำนาญชราภาพ จ่ายเป็นรายเดือน เงินบำเหน็จชราภาพ จ่ายครั้งเดียว
1. ประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพ (สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพไม่ถึง 180 เดือน)
1.1 กรณีที่จ่ายเงินสมทบกรณี ชราภาพ ไม่ถึง 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพมีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบ ที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบประกันตนอายุ 55 ปี และสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 10 เดือน ประโยชน์ทดแทน กรณีบำเหน็จชราภาพจะได้รับ 300 x 10 = 3,000 บาท
1.2 กรณีที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพ ตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพมีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบ ที่ผู้ประกันตนและนายจ้างนำส่งพร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
ตัวอย่าง ผู้ประกันตนอายุ 55 ปี สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2547 ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน ในวันที่ 10 ธันวาคม 2547 เจ้าหน้าที่วินิจฉัยในวันเดียวกัน โดยมีรายการนำส่งเงินสมทบ กรณีชราภาพของผู้ประกันตน ดังนี้
ปี
|
จำนวนเงินสมทบ
|
||
นายจ้าง
|
ผู้ประกันตน
|
รวม
|
|
2542
|
850
|
850
|
1,700
|
2543
|
1,550
|
1,550
|
3,100
|
2544
|
2,300
|
2,300
|
4,600
|
2545
|
3,200
|
3,200
|
6,400
|
2546
|
4,100
|
4,100
|
8,200
|
2547
|
2,800
|
2,800
|
5,600
|
รวม
|
14,800
|
14,800
|
29,600
|
2.วิธีคำนวณผลประโยชน์ตอบแทน
ปี
|
เงินสมทบ
|
เงินสมทบสะสม
x อัตรา
|
ผลประโยชน์ตอบแทน
|
2542
|
1,700
|
1,700 x 2.4%
|
= 40.80
|
2543
|
3,100
|
(1,700 + 3,100 = 4,800 ) x 3.7%
|
= 177.60
|
2544
|
4,600
|
(4,800 + 4,600 = 9,400) x 4.2%
|
= 394.80
|
2545
|
6,400
|
(9,400 + 6,400 = 15,800) x 4.3%
|
= 679.40
|
2546
|
8,200
|
(15,800 + 8,200 = 24,000) x 6.5%
|
= 1,560.00
|
2547
|
5,600
|
(24,000 + 5,600 = 29,600) x
2.00% x 11/12
|
= 542.67
|
รวม
|
3,395.27
|
หมายเหตุ 11/12 หมายถึง ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบมาแค่ 11 เดือน ภายใน 1 ปี
เงินบำเหน็จชราภาพและผลประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ประกันตนจะได้รับ คือ 29,600 + 3,395.27 = 32,995.27บาท
3. การคำนวณประโยช์ทดแทนกรณีบำนาญชราภาพ
(สำหรับ ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพ มาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ครบอายุ 55 ปี และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย)
ตัวอย่างที่ 1
20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย = 20x13.000 /100 = 2,600
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 2,600 บาท ไปจนตลอดชีวิต
การหาค่าเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คือ นำค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้าย รวมกันแล้วหารด้วย 60
ค่าจ้างเฉลี่ย = ผลรวมของค่าจ้าง 60 เดือน จำนวนเดือน (60 เดือน)
กรณีที่จ่ายเงิน สมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน เช่น จ่ายเงินสมทบมาได้ 193 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพในอัตรา 21.5% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย เป็นต้น
ตัวอย่างที่ 2
ผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละเท่าใด และหากเสียชีวิตภายใน 5 ปี จะได้รับเงินหรือไม่อย่างไร1. ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญ
15 ปี (แรก) ได้อัตราเงินบำนาญ 20%
5 ปี (หลัง) ได้อัตราเงินบำนาญ (1.5% (ปรับเพิ่ม) × 5ปี ) = 7.5%
รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี = 20% + 7.5% = 27.5%
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน = 27.5% ของ 15,000 บาท
= 4,125 บาท/เดือนจนตลอดชีวิต
2. กรณีผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน 5 ปี
ทายาทผู้มีสิทธิ จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน- 4,125 บาท × 10 เท่า = 41,250 บาท
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการจ่ายเงินสมทบรายเดือนกับกองทุนประกันสังคมนั้นมิได้สูญเปล่า เพราะนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ระหว่าง การทำงานมากมายแล้ว เมื่อถึงวัยเกษียณก็ยังคง อุ่นใจได้ว่ามีเงินออมชราภาพไว้เป็นหลักประกัน
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรได้ที่สำนักงานประกันสังคม โทร 1506
ออกแบบชีวิต....หลังเกษียณ
นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ตลอดชีวิตของคนเราถูกกำหนดตลอดว่าเราต้องทำอะไร เช่น วัยเด็กก็เรียนผ่านชั้นหนึ่งขึ้นอีกชั้นหนึ่ง พอวัยทำงานเราก็ทำงาน มีเจ้านายสั่ง มีงานเป็นตัวกำหนด แต่วัยเกษียณจะเป็นวัยที่ว่างและมีอิสรภาพ ดังนั้นหลายคนจะไม่มีเป้าหมาย เพราะปกติแล้วเป้าหมายชีวิตของเราถูกกำหนดโดยการเรียน การทำงาน พอเราว่าง มีอิสระในการเลือกเป้าหมายจึงเป็นช่วงสำคัญมากที่เราจะต้องรู้วิธีการตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตอย่างถูกต้อง
“ผู้ที่เกษียณอายุราชการหลายคน ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแต่ว่าฉันเกษียณแล้วจะไปอยู่สบาย ๆ แต่ไม่รู้เลยว่าในแต่ละวันมันมีเวลามากขึ้น ถ้าเขาอยู่แบบไม่มีจุดมุ่งหมายชีวิตจะเคว้งท้ายที่สุดจะเบื่อ”
คำแนะนำ ข้อแรก คือ จำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมายในชีวิตแม้อายุจะมากแล้วก็ตาม ที่จริงอายุ 60 ปี ต้องบอกว่าไม่สูงมาก เพราะอายุขัยของคนเราตอนนี้ประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 70 กว่าปี และมีแนวโน้มไปที่ 80 ปีได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงยังมีเวลาอีก 20 ปีหลังเกษียณที่จะใช้ชีวิต 20 ปีสามารถตั้งเป้าหมายได้หลายอย่างสามารถทำสิ่งที่มีคุณค่าได้
ข้อสอง สิ่งที่จะชวนผู้ที่เกษียณดูแลจัดการ คือ ทำอย่างไรให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจเรา ปกติเวลาทำงานเสร็จ สำเร็จ เรารู้สึกดี เวลาทำอะไรก็ตามเรารู้สึกภาคภูมิใจ อย่างผู้สูงอายุแหล่งความภาคภูมิใจอยู่ที่ไหน อันนี้ต้องหา ถ้าเอาความภาคภูมิใจไปผูกกับลูกหลานอาจจะลำบากถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงควรมีการสร้างความภาคภูมิใจและรู้สึกดีแบบง่าย ๆในแต่ละวัน ยกตัวอย่าง เช่น การที่เราจะสามารถมีความสงบสุขทางใจด้วยวิธีการต่าง ๆ อยู่กับธรรมชาติ ตรงนี้ก็เป็นการสร้างความสุขใจได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นความภูมิใจได้อย่างหนึ่ง หรือการเอาเวลาที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อชุมชนช่วยจัดเวทีให้ผู้สูงอายุมีที่ที่จะไปช่วย ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ชีวิตของเขา
ข้อสาม คือ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องเกื้อกูลกัน จริง ๆ วัยสูงอายุความมีอิสรภาพ โดยเงื่อนไขตอนนี้หลาย ๆ คนลูกหลานไม่ได้อยู่ด้วย ดังนั้นเราต้องดูว่าจะอยู่ในสังคมอย่างไร การมีสายสัมพันธ์วงเพื่อนพูดคุยพบปะกัน จะทำให้รู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรให้สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย
อีกประการที่เป็นตัวเชื่อมโยงกัน คือ เรื่องของสุขภาพ และการเงิน การดูแลสุขภาพต้องสะสมต้นทุนมาก่อนหน้านี้ แต่ถ้ามีโรคประจำตัว หัวใจสำคัญคือต้องรักษาโรคประจำตัวนั้นให้ดี สร้างหลักสุขภาพง่าย ๆ ที่เรารู้ดีอยู่แล้ว ไม่วาจะเป็นเรื่องของการกิน การออกกำลังกาย และการฝึกจิต เพื่อให้มีความสุขและผ่อนคลาย
โดยรวม ๆ วัยสูงอายุจึงเป็นวัยท้าทาย ยังมีโจทย์ที่ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาควรจะมีชีวิตอย่างไร และวัยนี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เลือก ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ในแต่ละวันที่ทำให้รู้ว่ามีหน้าที่ มีการดูแล ทำให้ชีวิตในแต่ละวันมีโครงสร้าง รู้ว่ากี่โมงทำอะไร การรู้ว่ากี่โมงทำอะไร หรือการมีกิจวัตร จะทำให้ไม่เคว้งจนเกินไป ดังนั้นในแต่ละวันควรมีกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างเช่น การเข้านอนตื่นนอนก็เป็นเรื่องหนึ่ง การปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ทำสมาธิ การออกกำลังกายก็เรื่องหนึ่ง การติดต่อพบปะเพื่อนฝูง ไปจนถึงการเอาเวลาที่มีอยู่ เอาความสามารถที่มีอยู่ไปแบ่งปันคนอื่น สิ่งเหล่านี้เป็นการออกแบบเวลาของตัวเอง เพื่อจะได้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ก็จะทำให้มีสุขกายและสุขภาพจิตดี.
จัดทำโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล
โรงแรมนารายณ์
No comments:
Post a Comment