หมวดนโนบายทั่วไป
เนื่องจากบริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด
เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการโรงแรมซึ่งมีพนักงานอยู่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นเพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฏระเบียบข้อบังคับของโรงแรมฉบับเดียวกัน
โรงแรมจึงจำเป็นต้องอาศัยหนังสือคู่มือสำหรับพนักงานเล่มนี้เป็นเกณฑ์ในการสร้างความเข้าใจให้สอดคล้องกับกฏระเบียบ
ข้อบังคับต่างๆในการทำงาน
อีกทั้งกฏระเบียบข้อบังคับที่ระบุไว้ในหนังสือคู่มือนี้ยังเป็นส่วนประกอบของข้อตกลงสภาพการจ้างระหว่างบริษัทฯกับพนักงาน
ซึ่งพนักงานทุกๆคนจะต้องยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
เพื่อที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งต่อบริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัดและพนักงานทุกคน
1. ปรัชญาการดำเนินธุรกิจขั้นพื้นฐานของโรงแรม
วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินธุรกิจขั้นพื้นฐานของโรงแรม
ได้แก่ “การให้บริการ” ต่อแขกที่มาพักและใช้บริการทุกท่าน ความพยายามและความตั้งใจในการทำงาน
พนักงานทุกคนจะต้องมีความมุ่งมั่นในการให้บริการ
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของแขก
ซึ่งการที่เราได้ให้ความสำคัญในการให้บริการต่อแขกนั้น
ย่อมส่งผลถึงชื่อเสียงและผลประโยชน์ของโรงแรมฯ ในภายภาคหน้า รวมทั้งต่อตัวเราเองด้วย
ความพอใจของแขกจะเป็นสิ่งที่ชี้นำถึงความสำเร็จในอนาคตของโรงแรม
อันจะส่งผลให้โรงแรม ท่านเจ้าของ
และบริษัทฯ
มีความมั่นคงเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น
พนักงานทุกๆ คน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ายิ่งต่อโรงแรม ควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตของโรงแรม โดยทางโรงแรมมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาพนักงานทุกคนให้มีความรู้
ความสามารถ และความเป็นอยู่ที่ดียิ่งๆ ขึ้น
2.
หน้าที่ของพวกเรา
ในฐานะที่โรงแรมนารายณ์ เป็นโรงแรมชั้นนำที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจด้านการเงิน ซึ่งมีห้องพักระดับเดอร์ลุกซ์ที่หรูหราไว้คอยบริการแขกจากต่างประเทศ หน้าที่หลักของพวกเราก็คือ
ต้องมุ่งมั่นที่จะทำให้แขกที่มาพักและใช้บริการเหล่านั้น เกิดความประทับใจ
และมีความสนุกสนานเพลิดเพลินกับบรรยากาศของความสะดวกสบาย กิจกรรมความบันเทิงหลากหลายที่ทางโรงแรมฯ ได้จัดเตรียมไว้เพื่อรองรับแขกอย่างเอาใจใส่และอบอุ่นตามประเพณีของไทยเรา
พร้อมๆไปกับการให้บริการที่ดีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพจากพนักงาน
อันจะทำให้โรงแรมได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากแขก ดังนั้นพวกเราจะต้องให้บริการที่ดีที่สุดต่อแขกเท่าที่จะกระทำได้ ตามที่โรงแรมและพวกเราได้ให้คำมั่นไว้เพื่อจะได้เป็นสิ่งผูกมัดและจูงใจแขกให้กลับมาใช้บริการอีก
ด้วยทัศนคติที่สร้างสรรค์และความร่วมมือร่วมใจในการทำงานระหว่างหมู่คณะ จะทำให้โรงแรมบรรลุถึงผลสำเร็จที่ดีเลิศ และเพื่อเป็นการรักษาความเป็นเลิศนี้ ความสำเร็จของการให้บริการนั้น พวกเราทุกคนจะต้องปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และมาตรฐานการให้บริการให้ดียิ่งๆ
ขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
พร้อมทั้งพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยกันเพิ่มพูนรายได้ และผลประโยชน์ให้กับทางโรงแรม
รวมทั้งประสิทธิภาพของการให้บริการของเราต่อแขกให้ดียิ่งๆ ขึ้น
3.
การทำงานอย่างมีคุณค่า
-
สร้างความประทับใจครั้งแรกต่อแขกทุกๆ ท่าน
-
ให้ความช่วยเหลือแก่แขกตามความต้องการโดยทันทีทันใด
-
ปฏิบัติหน้าที่ต่อแขกผู้มาพัก และผู้มาติดต่อธุรกิจด้วยความเต็มใจ
-
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ดีในการแก้ไขปัญหาประจำวันที่เกี่ยวข้องกับแขก
-
เมื่อมีโอกาสเอื้ออำนวย พยายามปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้มากกว่าปกติเป็นพิเศษ
-
พึงระลึกเสมอว่าจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสม่ำเสมอ และเป็นไปตามมาตรฐานของโรงแรมฯ
-
ไม่ควรตอบปฏิเสธต่อแขก ควรจะแก้ไขปัญหาโดยการเสนอทางเลือกต่อแขก
-
ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ
-
ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
-
ดูแลรักษาเครื่องมือเครื่องใช้ด้วยความระมัดระวัง
-
ดูแลรักษาสถานที่ทำงานของท่านให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ
4.
ทำเลที่ตั้งของโรงแรม
โรงแรมนารายณ์
ตั้งอยู่ย่านใจกลางของธุรกิจด้านการตลาดการเงิน การท่องเที่ยวและศูนย์การค้าต่างๆได้ถูกออกแบบโดยสถาปัตยกรรมแบบไทยๆ
เพื่อดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยว ประกอบไปด้วยห้องพักทั้งสิ้นจำนวน 549 ห้อง
โดยมีห้องชุดจำนวน 29 ห้อง
แขกผู้ที่มาพักจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการตกแต่งภายในห้องพักด้วยสีสันการใช้ผ้าแบบพื้นเมือง
ไม้สัก อื่นๆ ซึ่งได้ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันและทันสมัย ผสมผสานกลมกลืนไปด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญมั่งคั่งของวัฒนธรรมไทยเรา
โรงแรมนารายณ์
มีห้องอาหารและภัตราคารไว้คอยบริการแขกจำนวน 3
ห้อง ได้แก่ ห้องระเบียงทอง
เป๊ปเปอโรนี่ และห้องอาหารทริปเปิ้ลทู อีกทั้งยังมี
ห้องซินเนอรี่เลานจ์
ห้องประชุมสัมมนาและจัดเลี้ยงอีกจำนวน
5 ห้อง ได้แก่
ห้องนารายณ์บอลรูม
ห้องเชียงแสน ห้องสุโขทัย ห้องรัตนโกสินทร์ ห้องอยุธยา
ซึ่งห้องแต่ละห้องเพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยที่ใช้ในการประชุมสัมมนา
นอกจากนี้ยังมีศูนย์ธุรกิจ
ห้องออกกำลังกายและห้องอบไอน้ำซึ่งแต่ละสถานที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
RABIANGTHONG ภัตราคารและค๊อฟฟี่ช๊อปขนาดใหญ่ บริการด้วยบุฟเฟ่ต์ อาหารยุโรป
& COFFEE SHOP เอเชียและอาหารไทยรสชาติอันเลื่องชื่อ อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์สไตล์อเมริกัน
สามารถมองเห็นทัศนียภาพของถนนสีลมที่พลุกพล่านไปด้วยการจราจร
เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
สำรองที่นั่ง โทรศัพท์ 8161 - 2
PEPERONI RESTAURANT ภัตราคารต้นคำรับอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน
มีทั้งพิซซ่า พาสต้าสด สลัดผักต่างๆ ให้เลือก
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา
11.00
– 23.00 น.
สำรองที่นั่ง โทรศัพท์หมายเลข 8155
TRIPLE
TWO RESTAURANT ห้องอาหารเวีตยนาม
บริการด้วยบุฟเฟต์อาหารเวียตนาม อร่อย
&
BAR หลากหลายกับสไตล์เวียตนาม
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา
11.30
– 23.00 น.
สำรองที่นั่ง โทรศัพท์หมายเลข 7805
SCENERY
LOUNGE บาร์ที่สามารถมองเห็นถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่มีวันหลับภายในบริเวณล็อบบี้ พักผ่อนอิริยาบทท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่น
ดื่มด่ำกับความเย็นและความสดชื่นของเครื่องดื่มอันหลากหลาย
พร้อมกับฟังดนตรีแบบไทยๆ ผสมผสานกับของต่างประเทศ
เปิดบริการทุกวัน ศุกร์ – เสาร์ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 02.00 น.
อาทิตย์ –พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 11.00 – 01.00 น.
สำรองที่นั่ง
โทรศัพท์หมายเลข 8127
ROOM
SERVICE สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
สามารถสั่งอาหารได้ โดยมีบริกรนำส่งถึงห้องพัก ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์หมายเลข 5
BANQUET
ROOMS ความสะดวกสบายในการจัดเลี้ยง หรือจัดสัมมนา โรงแรมได้จัดห้องไว้จำนวน 5 ห้อง
พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยซึ่งห้องต่างๆ ได้ถูกตั้งชื่อให้เหมือนกับชื่อของจังหวัดบางจังหวัด
คือ นารายณ์บอลรูม รัตนโกสินทร์ อยุธยา รัตนโกสินทร์-สุโขทัย เชียงแสน
สำรองห้อง โทรศัพท์หมายเลข 8500,
8506 และ 8113
และห้องประชุมขนาดเล็ก
3 ห้อง จัดเป็น Meeting
Room สำหรับลูกค้าที่ต้องการจัดประชุมกลุ่มย่อยไม่เกิน 20
ห้องในส่วนของอาคาร Triple Two Silom ประกอบไปด้วยห้องประชุม
@3,@4, และ @5
สำรองห้อง โทรศัพท์หมายเลข 8500,
8506 และ 8113
BUSINESS CENTRE ศูนย์กลางในด้านต่างๆ
ของธุรกิจ
สำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อธุรกิจที่ต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างเวลาพักผ่อน เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์สำนักงานที่ทันสมัย อีกทั้งห้องประชุมส่วนตัวขนาดเล็ก
เปิดบริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00
น. ปิดวันอาทิตย์
โทรศัพท์หมายเลข 8906 – 7
FITNESS
CENTER สิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการสันทนา ประกอบด้วย ศูนย์สุขภาพการออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์อันทันสมัยครบครัน
เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 07.00 – 21.00 น.
โทรศัพท์หมายเลข 8149
5.
ลูกค้าของโรงแรม
งานของพนักงาน คือ การดูแลเอาใจใส่ต่อลูกค้า
ตัวเราซึ่งเป็นพนักงานได้ทราบหรือเข้าใจในความต้องการของลูกค้าหรือไม่ ?
ลูกค้า คือ บุคคลที่เสาะแสวงหาการให้บริการต่างๆ จากโรงแรม
ซึ่งได้จัดไว้ให้ และลูกค้าอาจจะพึงพอใจในการบริการจากโรงแรมฯ
ของเราหรือโรงแรมอื่นซึ่งเป็นคู่แข่งขันก็เป็นได้
ลูกค้า คือ บุคคลที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่เข้าสู่โรงแรม และลูกค้าเป็นบุคคลที่มีค่าอย่างแท้จริงที่เราพนักงานทุกคนต้องให้การบริการที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบริการ อาหาร
ห้องพัก หรือการบริการอื่นใด ความประสงค์หรือความต้องการของลูกค้าอันเปรียบเสมือนเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงาน เพราะลูกค้า คือ
ผู้ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อให้พนักงานมีงานทำ มีรายได้
มีเงินรางวัล
ลูกค้า มิใช่ผู้ที่ทำให้งานของเราหยุดชะงัก ลูกค้า
คือ
ผู้ที่ทำให้งานของโรงแรมบรรลุถึงเป้าหมาย
หากพนักงานทุกคนไม่ให้การบริการลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจแล้ว มิฉะนั้นเราจะมีโอกาสเช่นนี้หรือ
ลูกค้า มิใช่เป็นเพียงรายชื่อในสมุดบันทึกของโรงแรมที่ถูกเก็บไว้เฉยๆ เพื่อเป็นสมบัติ ลูกค้ามีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก
โลภ โกรธ หลง
ชอบ ไม่ชอบ เช่นเดียวกับพนักงานทุกคน
ลูกค้า มิใช่คู่โต้แย้ง หรือคู่ปรับของพนักงาน พนักงานไม่ควรที่จะเอาชนะลูกค้า หากพนักงานคือผู้ชนะ พนักงานจะต้องสูญเสียงานและรายได้ ทั้งนี้เพราะว่าไม่มีลูกค้าคนไหนที่จะยอมรับความผิด หรือได้รับการสอบสวนว่ามีความผิด หากพิสูจน์ให้ปรากฏว่าลูกค้ามีความผิดแล้ว ลูกค้าก็จะหันไปสนับสนุนโรงแรมอื่นๆ ซึ่งเป็นคู่แข่งขันของเรา
ลูกค้า เป็นผู้ที่ชี้นำพนักงานให้บรรลุถึงความต้องการของลูกค้าเอง หน้าที่ของพนักงาน คือ
ให้การบริการอย่างดีเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า เอาชนะใจลูกค้าด้วยการดูแลเอาใจใส่ เคารพ
ยกย่อง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อพนักงาน
ต่อโรงแรมฯ
ในด้านของการบริการ
จะต้องกระทำกันอย่างต่อเนื่อง
ลูกค้า ยินดีจะจ่ายเงินสำหรับเป็นค่าบริการที่เขาได้รับและคุ้มค่ากับเงินที่ได้จ่ายออกไป
และไม่ประสงค์ที่ต้องสูญเสียเงินแล้วไม่คุ้มค่ากับการบริการที่ได้รับ หากการบริการที่พนักงานมอบให้แก่ลูกค้าดี ผลสะท้อนที่ได้รับกลับมา คือ
ทัศนคติที่ดีของลูกค้าต่อโรงแรมจะเพิ่มขึ้นด้วย และสิ่งที่พนักงานได้รับ คือ
รางวัลและความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ลูกค้า เป็นผู้ที่ทำให้ธุรกิจของโรงแรมดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นข้อพึงสังวรณ์ เพราะลูกค้า
คือ
ผู้ที่ทำให้โรงแรมและพนักงานทุกคนก้าวสู่ความสำเร็จ
พนักงานทุกคนมีความสำคัญต่อบริษัทฯ
บริษัทฯ ถือว่า
“
คน ” เป็นส่วนสำคัญที่สุดของการดำเนินงาน
จึงกำหนดเป็นนโยบายเป็นหลักในการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ ดังต่อไปนี้
1. ธำรงไว้ซึ่งความเข้าใจอันดีระหว่างพนักงานกับฝ่ายบริหาร และระหว่างพนักงานด้วยกันเอง
2. จ่ายค่าจ้างและให้ผลประโยชน์แก่พนักงานด้วยความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน
หรือสูงกว่าบริษัทฯอื่นทั่วไป โดยคำนึงถึงลักษณะของงานที่คล้ายคลึงกัน และระยะเวลาการปฏิบัติงานที่ใกล้เคียงกัน
3. ถือความอาวุโสตามระยะเวลาการปฏิบัติงานอยู่กับบริษัทฯ เป็นหลักในการพิจารณาเลื่อนขั้น หากพนักงานมีความสามารถ หรือความชำนาญงานใกล้เคียงกัน
4. พัฒนาส่งเสริมพนักงานทุกท่าน
เพื่อให้พนักงานทุกท่านมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
5. ให้มีการเลื่อนตำแหน่งจากภายในก่อนเสมอ หากมีพนักงานที่เหมาะสม
6. มีการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของพนักงานโดยฉับพลัน
7. กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วยความยุติธรรม
8. ติดตามตรวจสอบทัศนคติของพนักงานที่มีต่อนโยบายการปฏิบัติและสภาพของการทำงานอย่างสม่ำเสมอ
9. ส่งเสริมและสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข
การเน้นบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง การแลกเปลี่ยน การมีส่วนร่วม การช่วยเหลือกันในการทำงานร่วมกันให้สำเร็จ
รวมทั้งการเป็นที่ปรึกษาที่ดีของหัวหน้างาน
10. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีให้มีความเข้มแข็งเพื่อจรรโลงและรักษาสิ่งที่ดีขององค์กรร่วมกันไว้
นอกเหนือจากนโยบายหลักในการการบริหารทรัพยากรมนุษย์แล้ว
การดำเนินการโยบายทางด้านแรงงานสัมพันธ์และแผนงานด้านแรงงานสัมพันธ์ก็ต้องทำควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดความสอดคล้อง
ความเชื่อมโยง และการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระบบเพื่อให้เกิดความสุขร่วมกันในการทำงานอย่างยั่งยืนอีกด้วย
นโยบายด้านแรงงานสัมพันธ์
1.เคารพและยึดถือปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับการทำงาน
บทบัญญัติแห่งกฎหมายแรงงาน ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
และสิทธิอื่นๆตามกฎหมายแรงงานกำหนด
2.ร่วมกับสหภาพเพื่อไกล่เกลี่ยระงับข้อขัดแย้ง ข้อร้องทุกข์
และข้อพิพาทแรงงานตามกระบวนการที่ได้มีการตกลงกันไว้
3.ส่งเสริม – สนับสนุนเสรีภาพในการจัดตั้งและการพัฒนาองค์กรลูกจ้าง
และองค์กรนายจ้าง
เพื่อให้มีประสิทธิภาพ
มีอิสระ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
4.เสริมสร้างและพัฒนาระบบแนวทาง
ระบบแรงงานสัมพันธ์บนพื้นฐานของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ
เพื่อสร้างระบบแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
และสนองความต้องการทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
5.ให้ความสำคัญกับกิจกรรมการดำเนินการร่วมกัน
เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
แผนงานทางด้านแรงงานสัมพันธ์
1.
จัดให้มีการประชุมร่วมกันประจำปี
ช่วงของปีงบประมาณเพื่อการจัดสรรงบประมาณในปีหน้าได้อย่างเหมาะสม
2.
สรุปแผนการดำเนินงานด้านแรงงานสัมพันธ์ประจำปี
ทั้งฝ่ายบริหารและคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการมีกิจกรรมใดบ้างที่ทำร่วมกันและประสบความสำเร็จ
3.
โครงการใหม่
ที่มีประโยชน์ต่อตัวลูกจ้างและองค์กร เพื่อสร้างขวัญ – กำลังใจให้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง
คำปฏิญญาด้านแรงงานสัมพันธ์
“นายจ้างอยู่ได้ ลูกจ้างอยู่ดี ทุกชีวีมีความสุข “
การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงาน
เกี่ยวกับคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ
นโยบายด้านสวัสดิการ
การจัดสวัสดิการให้กับพนักงานเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญมาก
เพราะเป็นวิธีการที่จะธำรงรักษาบุคลากรให้ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรนานๆ
การจัดสวัสดิการเป็นการมอบความสะดวกสบาย และสร้างความพึงพอใจให้แก่บุคลากร
เพื่อให้บุคลากรมีกำลังใจในการทำงาน เกิดความเชื่อมั่นในองค์กรและตนเอง สวัสดิการจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน
และในฐานะที่พนักงานทุกคนขององค์กรถือได้ว่าเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งขององค์กรที่จะทำให้เกิดผลงานอย่างแท้จริง
องค์กรจึงต้องหาหนทางส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกมั่นคงในการทำงาน
บริษัทฯนารายณ์โฮเต็ล จำกัดมีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปให้และได้จัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ซึ่งได้มีคณะกรรมการลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ คณะกรรมการลูกจ้างจึงทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ร่วมกับนายจ้างหรือผู้บริหาร ซึ่งผู้จัดการทั่วไปซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดเข้าเป็นประธานในการประชุมทุกครั้ง
บริษัทฯนารายณ์โฮเต็ล จำกัดมีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปให้และได้จัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ซึ่งได้มีคณะกรรมการลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ คณะกรรมการลูกจ้างจึงทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ร่วมกับนายจ้างหรือผู้บริหาร ซึ่งผู้จัดการทั่วไปซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดเข้าเป็นประธานในการประชุมทุกครั้ง
คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) ปรึกษาหารือร่วมกันกับนายจ้างเพื่อจัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
(2) ให้คำปรึกษาหารือและเสนอแนะความเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
(3) ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง
(4) เสนอข้อคิดเห็น และแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการ
(1) ปรึกษาหารือร่วมกันกับนายจ้างเพื่อจัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
(2) ให้คำปรึกษาหารือและเสนอแนะความเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
(3) ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง
(4) เสนอข้อคิดเห็น และแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการ
แรงงาน
นโยบายการจัดสวัสดิการแรงงานในสถานประกอบกิจการ
บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด
จัดให้มีการประชุมร่วมกันตามตารางการประชุมประจำปีเป็นแผนงานการประชุม
เพื่อสะดวกต่อการเตรียมการในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องและมีการจดบันทึกรายงานการประชุม
พร้อมติดที่บอร์ดของสหภาพแรงงานพนักงาน บอร์ดพนักงาน เพื่อการเผยแพร่ข่าวสารและการประชาสัมพันธ์
ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social
Responsibility)
โรงแรมนารายณ์ดำเนินธุรกิจยืนหยัดมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ก็เพราะได้รับแรงสนับสนุนที่ดีจากลูกค้า คู่ค้า ชุมชน สังคม
และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืนของธุรกิจเราล้วนต้องพึ่งพาและพึ่งพิงกันในลักษณะของพันธมิตร
ลักษณะของเครือข่าย ซึ่งถ้าไม่ใช่ทางตรงก็โดยทางอ้อมแทบทั้งสิ้น
ด้านคุณภาพชีวิตของพนักงาน
มาตรฐานแรงงานไทย (Thai
Labour Standard)
เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านแรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
และแสดงออกถึงความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด จึงได้กำหนดนโยบายด้านแรงงานดังต่อไปนี้
1.บริษัทฯได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดแห่งมาตรฐานแรงงานไทย
หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดผลสมบูรณ์ มีประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าและองค์กร
2.บริษัทฯได้ดำเนินการให้มีการจัดทำระบบการจัดการให้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างครบถ้วน ทุกขั้นตอน และรักษาไว้ซึ่งหลักฐานต่างๆที่สามารถตรวจสอบและเรียกใช้งานได้เสมอ
3.บริษัทฯได้ดำเนินการให้มีการแต่งตั้งตัวแทนฝ่ายบริหาร และคณะทำงานเพื่อให้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐาน
และกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีระบบการวิเคราะห์ แก้ไข ป้องกันปัญหา
ตลอดจนการทวนสอบระบบ เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติงานและนโยบายอย่างต่อเนื่อง
4.บริษัทฯได้ดำเนินการให้มีการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้รับทราบ ถึงกิจกรรมที่บริษัทฯกำลังดำเนินการอยู่
5.บริษัทฯได้จัดสรรทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
เพียงพอต่อการบริหารงานระบบให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
6.บริษัทฯได้ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงานในด้านต่างๆ เช่น การใช้แรงงานบังคับ, ค่าตอบแทนในการทำงาน, ชั่วโมงการทำงาน,
การเลือกปฏิบัติ, วินัยและการลงโทษ, แรงงานเด็ก, แรงงานหญิง, เสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง,
ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และสวัสดิการ
โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดแห่งมาตรฐานแรงงานไทย
ด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการใบไม้เขียว (Green
Leaf) โรงแรมได้มีนโยบายในการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยการร่วมกันป้องกันและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการให้บริการที่พักและสถานที่แก่ผู้บริโภค
รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับพนักงานโดยตรง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมในการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม
รวมทั้งบทบาท
การมีส่วนร่วมของสถานประกอบการในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของพนักงาน ลูกค้า
ชุมชนในท้องถิ่น ในแต่ละขั้นตอนของการให้บริการแก่ผู้บริโภค
2.เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันให้ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทย
มีการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
3.เพื่อพัฒนามาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
และมีการพัฒนาประสิทธิภาพของเทคโนโลยี
4.เพื่อส่งเสริมการมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมในธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว
รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
ซึ่งโรงแรมนารายณ์ถือว่า หลักการของธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยอยู่บนฐานความคิดที่ว่า
ธุรกิจจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้สังคมจะต้องมั่นคง หากธุรกิจดำเนินการในลักษณะที่ธุรกิจรุ่งเรืองจากการเอาเปรียบสังคม
จนสังคมอยู่ไม่ได้ ในที่สุดธุรกิจก็จะอ่อนแอลงหรือล่มสลายไป หลักการของธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคม
จึงอยู่บนฐานความเชื่อว่า ธุรกิจ กับสังคม จะต้องอยู่ร่วมกัน
อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันช่วยกันลดจุดอ่อนต่อกัน
จากความสำคัญของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าท้ายสุดแล้ว ทุกองค์กรย่อมคาดหวังที่จะให้ องค์กรและธุรกิจของตัวเองสามารถดำเนินธุรกิจ และเติบโตต่อไปพร้อมด้วยคุณภาพชีวิตของทุกๆคนอย่างยั่งยืนและโรงแรมนารายณ์พร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป
จากความสำคัญของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าท้ายสุดแล้ว ทุกองค์กรย่อมคาดหวังที่จะให้ องค์กรและธุรกิจของตัวเองสามารถดำเนินธุรกิจ และเติบโตต่อไปพร้อมด้วยคุณภาพชีวิตของทุกๆคนอย่างยั่งยืนและโรงแรมนารายณ์พร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป
บทที่ 1
การว่าจ้างพนักงาน
1. นโยบายการว่าจ้างโดยทั่วไป
1. บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18
ปีบริบูรณ์ จะไม่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทฯ
2. ผู้สมัครต้องแจ้งให้บริษัทฯ
ทราบ หากมีญาติทำงานอยู่ในบริษัทฯ นี้
3. ไม่จ้างญาติให้ทำงานในแผนกเดียวกัน ญาติในที่นี้หมายถึง สามี
ภรรยา บิดา มารดา
ลูกชาย ลูกสาว พี่
น้อง ของพนักงาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้จัดการทั่วไปเป็นรายๆ ไป
เป็นกรณีพิเศษ
4. ผู้สมัครทุกคนต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
พิจารณารับโดยผู้จัดการแผนกและอนุมัติโดยผู้จัดการทั่วไปก่อนที่จะเริ่มเข้าปฏิบัติงาน
5. ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นพนักงาน
จะต้องมอบสิ่งต่อไปนี้ให้แผนกทรัพยากรบุคคล คือ
ก.
ภาพถ่ายครึ่งตัวหน้าตรงไม่สวมหมวก ขนาด 2 ” x 1
½ ”
ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
ข.
สำเนาบัตรประชาชน
ค.
สำเนาทะเบียนบ้าน 1
ชุด
ง.
หลักฐานการศึกษา หรือหนังสือรับรองตามความต้องการของบริษัทฯ
จ.
ใบรับรองแพทย์
ฉ.
หลักฐานอื่นๆ ที่บริษัทฯ
ต้องการ เช่น สำเนาใบทะเบียนสมรส สำเนาใบสูติบัตรของบุตรจดหมายรับรองจากนายจ้างเก่า
6. พนักงานที่ว่าจ้างใหม่จะไม่ได้รับการพิจารณาปรับขั้นเงินเดือนในกรณีที่อายุงานไม่ครบหนึ่งปีบริบูรณ์
7. พนักงานชั่วคราวและพนักงานที่มีสัญญากำหนดเวลา จะได้รับเฉพาะเงินค่าจ้าง
8. พนักงานใหม่ที่อยู่ในระยะทดลองงาน
จะได้รับเฉพาะเงินเดือน
ตามอัตราไม่ต่ำกว่ากฏหมายคุ้มครองแรงงานได้กำหนดไว้สำหรับพนักงาน
9. สัญญาว่าจ้างงาน
โรงแรมจะทำสัญญาว่าจ้างในวันแรกที่ได้ตกลงรับพนักงานผู้นั้นเข้าทำงาน
ภายหลังที่พนักงานผู้นั้นได้ผ่านการคัดเลือกแล้วและตรวจสุขภาพแล้ว
2. ประเภทของการจ้าง
หลักการของการจ้างเข้าปฏิบัติงาน ได้กำหนดไว้ดังนี้
2.1 การจ้างทดลองงาน
และการบรรจุเป็นพนักงานประจำ
2.1.1 พนักงานใหม่ทุกคนจะต้องทดลองงานไม่ต่ำกว่า 60
วัน แต่ไม่เกิน 119
วัน
ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำ
2.1.2
หากพนักงานที่อยู่ในระยะทดลองงานไม่เหมาะสม มีผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ด้วยเหตุอันใดก็ตาม บริษัทฯ
จะแจ้งให้พนักงานรับทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง
2.1.3 พนักงานที่อยู่ในระยะทดลองงานสามารถลาออกได้โดยไม่ต้องแจ้งให้บริษัทฯ ทราบล่วงหน้า
และจะไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ
2.1.4
หากพนักงานที่อยู่ในระยะทดลองงานขาดงาน
จะได้รับค่าจ้างตามจำนวนวันที่มาทำงานเท่านั้น
2.2 การว่าจ้างชั่วคราว
2.2.1
หากพนักงานได้รับการว่าจ้างเป็นการชั่วคราวตามฤดูกาล หรือถูกว่าจ้างตามความจำเป็น โดยกำหนดเวลาที่แน่นอน หรือถูกจ้างเพื่อทำงานแทนพนักงานประจำเป็นครั้งคราว หรือเพื่อเฉพาะงานบางอย่างที่ได้กำหนดเวลาไว้แน่นอน บริษัทฯ
จะจ่ายค่าจ้างเฉพาะช่วงที่มีการจ้าง
2.2.2
หากพนักงานชั่วคราวขาดงาน จะได้รับค่าจ้างเฉพาะวันที่มาทำงานเท่านั้น
2.3 การตรวจโรคก่อนจ้าง
พนักงานใหม่ทุกคน ต้องผ่านการตรวจโรคก่อนจ้างเข้าปฏิบัติงาน
โดยแพทย์ที่ทางบริษัทฯ กำหนด (เอ๊กซเรย์ ตรวจเลือด ปัสสาวะ และตรวจสุขภาพทั่วไปๆ
สำหรับพนักงานแผนกอาหารและเครื่องดื่ม และต้องตรวจอุจจาระด้วย)
3.
การพ้นสภาพจ้าง
การพ้นสภาพการจ้างมี
6 ลักษณะ
ดังต่อไปนี้
3.1 ลาออกโดยสมัครใจ
พนักงานในระดับ 1-7 ขึ้นไป ( ดูในบทที่ 5
ระดับของพนักงาน )
จะต้องแจ้งให้บริษัทฯ
ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน โดยยื่นใบลาออกผ่านผู้จัดการแผนกของตน สำหรับพนักงานในระดับ 4 ขึ้นไป ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30
วัน
3.2 เกษียณอายุ
3.2.1 พนักงานจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานเนื่องจากเกษียณอายุในวันที่มีอายุครบ 60
ปีบริบูรณ์
ในกรณีที่ไม่ปรากฏเดือนและวันที่ในเอกสารทะเบียนประวัติ พนักงานจะต้องเกษียณอายุวันที่ 31
ธันวาคมของปีที่พนักงานมีอายุครบ 60
ปี
พนักงานอาจจะขอเกษียณก่อนครบอายุตนเองได้และบริษัทฯ อาจอนุมัติให้ตามที่ขอ
3.2.2 บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะจ้างพนักงานที่มีอายุครบ 60
ปี ต่อไปอีกก็ได้
3.3 ให้ออก เนื่องจากกระทำความผิดทางวินัย
3.4 ถึงแก่กรรม
3.5 ปลดออก เนื่องจากกระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3.6 พ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน เนื่องจากสุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถปฏิบัติงานได้
โดยการตรวจและมีใบรับรองจากแพทย์แผนปัจุบันชั้นหนึ่ง
3.7 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
4. การสรรหาบุคคล
นโยบายของโรงแรมฯ ในการคัดเลือก
สรรหา บุคลากรที่ดีที่สุด เพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้นๆและต้องมีคุณสมบัติในทักษะ คุณวุฒิ
ความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ
ที่ดีในการทำงาน โดยบริษัทฯ จะสนับสนุนให้ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในโอกาสต่อๆ
ไป
5. โอกาสในการจ้างงาน
เมื่อโรงแรมฯ มีการเปิดรับสมัครพนักงาน บุคลากรที่ได้รับคัดเลือกต้องมีทัศนคติ คุณวุฒิ
ประสบการณ์
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อตำแหน่งหน้าที่
อันเป็นข้อพิจารณาที่จะช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจที่จะรับบุคลากรเข้าทำงาน การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นอยู่กับผลการปฏิบัติงาน บันทึกเวลาการทำงาน ความสนใจ
การเข้าร่วมการฝึกอบรมที่ทางโรงแรมได้จัดให้โรงแรมได้ดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วซึ่งมีตำแหน่งงานว่างรองรับมากมาย ความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีความรู้ความชำนาญงาน กล้าคิด
กล้าทำและแสดงออกในความคิดเห็น
สร้างบรรยากาศที่ดีกับการทำงาน
มีจุดมุ่งหมายของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้จะทำให้พนักงานประสบผลสำเร็จ มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งต่อไป
การโยกย้ายตำแหน่งงาน หรือย้ายแผนกในโรงแรมฯ นั้น
พนักงานสามารถแจ้งความจำนงต่อหัวหน้าแผนก
ซึ่งหัวหน้าแผนกจะดำเนินการส่งเรื่องไปยังแผนกทรัพยากรมนุษย์เพื่อพิจารณา และดำเนินการโยกย้ายให้ พนักงานไม่ควรจะดำเนินการด้วยตนเองโดยตรง
ตำแหน่งงานต่างๆ ที่ว่างนี้จะปิดประกาศให้ทราบที่บอร์ดประกาศพนักงาน
6. นโยบายการจ้างกลับเข้าทำงาน
พนักงานที่พ้นสภาพการจ้างจากบริษัทฯด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ จะได้รับการจ้างกลับเข้าทำงานอีก
อย่างไรก็ตามการว่าจ้างพนักงานเก่ากลับมาอีกจะกระทำได้เมื่อทางบริษัทฯ
มีตำแหน่งว่างที่เหมาะสม
สำหรับพนักงานผู้นั้นเท่านั้น
6.1 เข้ารับราชการทหารระยะเวลาที่เป็นทหารต้องไม่เกิน 2 ปี
6.2 ไปต่างประเทศเพื่อศึกษาวิชาการโรงแรม
หรือไปทำงานในโรงแรมที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
และได้รับความเห็นชอบจากผู้จัดการโรงแรมทั้งสองฝ่าย ระยะเวลาที่ทำงานต้องไม่เกิน 3
ปี
6.3 การจ้างผู้ไปรับราชการทหารกลับเข้าทำงาน
ผู้ไปรับราชการทหารอาจได้รับการพิจารณารับกลับเข้าทำงานได้อีก หากเป็นผู้เหมาะสม โดยต้องปฏิบัติดังนี้
6.3.1รายงานให้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน
ก่อนไปเกณฑ์ทหารและต้องรายงานผลการเกณฑ์ทหารให้ทราบโดยด่วนที่สุด
6.3.2รายงานให้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนก่อนพ้นจากการ
รับราชการทหาร
7. การเปลี่ยนโยกย้ายหน้าที่การงาน
กรณีที่พนักงานถูกเปลี่ยนโยกย้ายหน้าที่การงานโดยที่พนักงานผู้นั้นเห็นว่าการยกย้ายดังกล่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม
พนักงานผู้นั้นและสหภาพมีสิทธิ์ทักท้วงหรือร้องเรียนได้ตามกฏหมาย
หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
โรงแรมมีสิทธิ์ที่จะโยกย้ายหน้าที่การงานพนักงานได้ตามความเหมาะสม
หรือเพื่อเป็นการสนับสนุนเลื่อนฐานะของพนักงาน
หมวดที่ 2
วันทำงาน
เวลาทำงานปกติ และเวลาพัก
1.
วันทำงาน โรงแรมกำหนดให้พนักงานทุกคนทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 6 วัน วันหยุดประจำสัปดาห์
สัปดาห์ละ 1 วัน
2.
เวลาทำงานปกติ เพื่อให้การทำงานของพนักงานเป็นไปตามความต้องการของโรงแรมซึ่งจะต้องให้การบริการตลอดเวลา
โรงแรมจึงได้กำหนดเวลาทำงานปกติ โดยให้พนักงานทุกคนมีเวลาทำงานปกติวันละไม่เกิน 8
ชั่วโมงโดยไม่รวมเวลาพัก และสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 48 ชั่วโมง
โดยแบ่งเวลาทำงานปกติออกได้ดังนี้คือ
2.1 ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน
เวลาเข้าทำงานคือ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ดังนี้
07.00-17.00,
หรือ 08.00-18.00 หรือ 08.30 – 18.30 น. หยุดวันเสาร์-วันอาทิตย์
2.2 ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานเป็นกะหรือผลัด
เวลาทำงานขึ้นอยู่กับหัวหน้าแผนกหรือความจำเป็นของงาน
แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ( ไม่รวมเวลาพัก )
2.3 ห้ามมิให้พนักงานผู้ใดไปรับจ้างทำงานในสถานประกอบการแห่งอื่น
ไม่ว่าจะเต็มเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมงหรือไม่ก็ตาม
โดยไม่ได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทฯ
3.
เวลาพัก ในเวลาทำงานปกติพนักงานจะมีเวลาหยุดพักวันหนึ่งหรือกะหนึ่งหรือผลัดหนึ่งไม่น้อยกว่า
1 ชั่วโมงและจะต้องจัดให้มีการหยุดพักเมื่อพนักงานได้ทำงานมาแล้วเป็นเวลาไม่เกินกว่า
5 ชั่วโมง โดยแบ่งได้เป็นดังนี้
3.1 สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน
เวลาพักคือ 12.00-13.00 น.
3.2 สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานเป็นกะหรือผลัด
เวลาพัก ให้มีเวลาพัก กะละหรือผลัดละ 1 ชั่วโมง หรือจะแบ่งเป็นช่วงๆก็ได้
แต่ช่วงหนึ่งต้องไม่น้อยกว่า 20 นาที และเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
โดยให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันพักตามความเหมาะสมของงาน เพื่อมิให้เกิดผลเสียกับงาน
4.
การบันทึกการลงเวลาเข้า – ออกทำงาน
โรงแรมได้ติดตั้งเครื่องบันทึกเวลาเข้า
– ออกทำงานภายในโรงแรมที่ทางเข้า-ออกของพนักงาน เพื่อเป็นการบันทึกเวลาการมาปฏิบัติงานและเลิกจากการปฏิบัติงาน
หากพนักงานลืมรูดบัตรบันทึกเวลาการมาทำงาน ให้แจ้งหรือติดต่อหัวหน้าทราบทันที
เพื่อดำเนินการต่อไป เพราะอาจจะมีผลในการจ่ายค่าจ้าง
5.
การตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลาถือเป็นวินัยที่สำคัญจึงขอให้พนักงานทุกท่านสนใจในการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอในแผนกที่พนักงานสังกัดอยู่
รวมถึงการตรวจสอบตนเองถึงเวลาเริ่มปฏิบัติงานและเลิกงานโดยให้มีการกระทำอย่างถูกต้อง
หากพนักงานไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามที่แผนกกำหนดไว้
ให้ติดต่อชี้แจงต่อหัวหน้าแผนกให้ทราบทันที
6.
การมาทำงานสาย
6.1 พนักงานที่มาทำงานสาย
ทางโรงแรมตกลงให้พนักงานมาทำงานสายได้เดือนละไม่เกิน 6 ครั้งและเวลารวมทั้งเดือนต้องไม่เกิน
120 นาที
6.2 ภายใน 1
เดือนถ้าพนักงานมาทำงานสายเกิน 6 ครั้ง
พนักงานจะได้รับหนังสือเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1
6.3
พนักงานที่ได้รับหนังสือเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลา 1 ปี
ปฏิทิน ( 1 มกราคม ถึง 31 มกราคม
ของทุกปี ) พนักงานจะถูกเลิกจ้าง
6.4
พนักงานที่มาทำงานสายตั้งแต่ 121 นาทีขึ้นไปในแต่ละเดือน
พนักงานจะได้รับเงินค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงการทำงานในเดือนนั้นๆ
โดยใช้หลักการคิดคำนวณตามฐานเงินเดือน ( ฐานเงินเดือนหาร 30 วัน หาร 8 ชั่วโมง
คูณจำนวนเวลาที่มาสาย )
ทั้งนี้ในการคิดคำนวณเวลาเรื่องมาสายให้คิดคำนวณเป็นคราวๆไป
คราวละหนึ่งเดือนโดยจะไม่นำเวลาไปทบยอดในเดือนถัดไป
หมวดที่
3
วันหยุด
วันลา และหลักเกณฑ์ในการหยุด การลา
1. วันหยุดประจำสัปดาห์ โรงแรมจัดให้พนักงานทุกคนมีวันหยุดประจำสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 1 วัน
โดยวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
และวันหยุดประจำสัปดาห์อาจจะสะสมและเลื่อนไปหยุดเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 4
สัปดาห์ติดต่อกัน
2. วันหยุดตามประเพณี
2.1พนักงานมีสิทธิ์หยุดในวันหยุดตามประเพณี
13 วัน รวมทั้งวันแรงงานแห่งชาติโดย
กำหนดให้หยุดจริงในวันนั้นๆ
หรือเลื่อนไปก็ได้
2.2วันหยุดตามประเพณีนิยมจะกำหนดเป็นปีๆไป
โดยจะประกาศให้ทราบล่วงหน้าในเดือน
ธันวาคมของทุกปีและได้รับค่าจ้างเท่ากับวันทำงานปกติ
3. วันหยุดพักผ่อนประจำปี
พนักงานจะได้รับค่าจ้างเต็มในวันหยุดพักผ่อนประจำปี
ดังนี้
พนักงานที่ทำงานครบ 1ปี
และอยู่ในระหว่าง 1-2 ปี มีสิทธิ์หยุดพักผ่อนได้ 6 วันทำงาน
พนักงานที่ทำงานครบ 3ปี
และอยู่ในระหว่าง 3-5 ปี มีสิทธิ์หยุดพักผ่อนได้ 8 วันทำงาน
พนักงานที่ทำงานครบ 6ปี
และอยู่ในระหว่าง 6-8 ปี มีสิทธิ์หยุดพักผ่อนได้ 10 วันทำงาน
พนักงานที่ทำงานครบ 9ปี
และอยู่ในระหว่าง 9-13 ปี มีสิทธิ์หยุดพักผ่อนได้12 วันทำงาน
พนักงานที่ทำงานครบ14-17ปี
และอยู่ในระหว่าง 14-17 ปีมีสิทธิ์หยุดพักผ่อนได้ 15 วันทำงาน
พนักงานที่ทำงานครบ 18
ปีขึ้นไป มีสิทธิ์หยุดได้ 18 วันทำงาน
ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยดูจากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างของแต่ละปี
4. วันลาป่วย
4.1 พนักงานมีสิทธิ์ลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง แต่มีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างเต็มปีหนึ่งไม่เกิน
30 วัน ฝ่าย
บริหารมีสิทธิ์ให้พยาบาลของโรงแรมหรือผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานคนใดคนหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาร่วมไปกับเจ้าหน้าที่จากแผนกรักษาความปลอดภัย
เพื่อไปตรวจสอบว่าพนักงานผู้นั้นป่วยจริงหรือไม่
4.2 การลาป่วยติดต่อกันเกิน
3 วัน โรงแรมอาจให้พนักงานผู้นั้นแสดงใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลหรือของสถานพยาบาล
ในกรณีที่พนักงานผู้นั้นไม่อาจแสดงใบรับรองแพทย์ได้ก็ให้พนักงานผู้นั้นชี้แจงเหตุผลให้หัวหน้าแผนกทราบ
4.3 วันที่พนักงานไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากทำงานและวันลาคลอดบุตร
มิให้ถือว่าเป็นวันลาป่วย
5. การลาคลอด
5.1 พนักงานหญิงมีสิทธ์ลาคลอดบุตรครรภ์หนึ่งได้ 90 วันปฏิทิน
ให้นับรวมวันหยุดที่มีในระหว่างวันลาด้วย โดยได้รับค่าจ้างเต็มไม่เกิน 45 วัน
แต่หากยังไม่สามารถทำงานได้หลังจาก 90 วัน โดยมีใบรับรองแพทย์จะมีสิทธิ์ลาโดยไม่ขอรับค่าจ้างต่ออีกได้เท่าจำนวนวันที่แพทย์ได้ระบุไว้
5.2 พนักงานที่จะลาคลอดควรแจ้งวันครบกำหนดคลอดให้ผู้จัดการแผนกของตนทราบล่วงหน้าอย่างน้อย
1เดือน และใบลาคลอดให้ส่งไปยังแผนกทรัพยากรมนุษย์ก่อนถึงกำหนดที่จะคลอด
5.3 การลาคลอดพนักงานจะใช้สิทธิ์ลาก่อนหรือหลังคลอดก็ได้
5.4 การลาคลอดนี้มิให้นำไปใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณจ่ายเงินโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
6.การลากิจธุระอันจำเป็น
6.1 การลากิจปกติ
พนักงานมีสิทธิ์ลากิจได้ปีละ 6 วันทำงาน
โดยได้รับค่าจ้างเต็มแต่ทั้งนี้ต้องลาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเท่านั้นไม่ต้องลาล่วงหน้าการลากิจประเภทนี้ทางโรงแรมจะนำไปใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณจ่ายโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
6.2 การลากิจพิเศษ กรณีที่พนักงานลากิจเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับงานศพบิดา
มารดา สามี ภรรยาและบุตรตามกฏหมาย พนักงานจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มวันลากิจให้อีก 2
วันจากวันลาปกติที่เหลืออยู่ในปีนั้น
และการลากิจพิเศษนี้ต้องใช้วันลาต่อเนื่องในคราวเดียวกันและอยู่ในช่วงวันใดก็ได้ในระหว่างจัดการงานศพ
และจะเหลือวันลากิจพิเศษนี้เก็บไว้เพื่อใช้เป็นวันลากิจปกติอีกไม่ได้
6.3 ภายในปีเดียวกัน ถ้าพนักงานผู้นั้นมีเหตุจำเป็นที่จะต้องลากิจพิเศษเพื่อจัดการงานศพเป็นครั้งที่
2 พนักงานผู้นั้นมีสิทธิ์ลากิจพิเศษได้อีก 8 วันทำงาน และการลากิจพิเศษครั้งที่
2นี้ต้องใช้วันลาต่อเนื่องในคราวเดียวกันและอยู่ในช่วงวันใดก็ได้ในระหว่างจัดการงานศพ
และจะเหลือวันลากิจพิเศษนี้เก็บไว้เพื่อใช้เป็นวันลากิจปกติอีกไม่ได้
การลากิจพิเศษตาม 6.2 และ 6.3
ทางโรงแรมจะไม่นำไปคิดคำนวณในการจ่ายเงินโบนัส
และการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
7. การลาเพื่อเข้ารับการฝึกระดมพลหรือตรวจสอบความพรั่งพร้อม
พนักงานที่ถูกเรียกเพื่อเข้ารับการฝึกระดมพลหรือตรวจสอบความพรั่งพร้อมมีสิทธิ์ลาได้ตามจำนวนวันในหมายเรียกของกระทรวงกลาโหม
แต่จะมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างปีหนึ่งไม่เกิน 60 วัน ( ต้องมีเอกสารทางราชการมาแสดง )
8. การลาเพื่อทำหมัน พนักงานมีสิทธิ์ลาเพื่อทำหมันได้และลาเนื่องจากการทำหมันได้ตามระยะเวลาที่แพทย์ได้กำหนดไว้และระบุไว้ในใบรับรองแพทย์
แต่ทั้งนี้พนักงานจะใช้สิทธิ์ลาได้เพียงครั้งเดียวตลอดอายุการทำงานให้โรงแรม
9.การลาเพื่อฝึกอบรมและพัฒนาความรู้และความสามารถ
พนักงานมีสิทธิ์ลาเพื่อการนี้ได้เพื่อประโยชน์ต่อแรงงานและสวัสดิการแรงงาน
หรือเพื่อเพิ่มทักษะความชำนาญ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยได้รับค่าจ้างเต็ม
10. การลาอุปสมบท พนักงานที่ทำงานครบ 1 ปี
มีสิทธิ์ลาอุปสมบทได้ 15 วัน
โดยได้รับค่าจ้างเต็มทั้งนี้การลาบวชนั้นให้พนักงานที่จะลาบวชยื่นแสดงความจำงต่อหัวหน้าแผนกล่วงหน้าอย่างน้อย
7 วัน และให้ใช้สิทธิ์ได้คนละ 1
ครั้งเท่านั้นตลอดอายุการทำงานและพนักงานต้องนำใบบรรพชาจากเจ้าอาวาสหรือวัดมาแสดงเป็นหลักฐาน
11. หลักเกณฑ์ในการลาและการหยุด
11.1
พนักงานท่านใดที่ไม่ได้หยุดงานในวันหยุดตามประเพณีนิยม ให้นำวันหยุดดังกล่าวนั้นไป
หยุดในวันอื่นได้ โดยขออนุญาตลาหยุดล่วงหน้า เว้นแต่เป็นกรณีฉุกเฉินหรือมีเหตุจำเป็น
11.2
การลาหยุดพักผ่อนประจำปี พนักงานจะต้องลาล่วงหน้าต่อหัวหน้างานของตน อย่างน้อย
3 วัน หรือในระยะเวลาที่เหมาะสม เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉินหรือมีเหตุจำเป็น
11.3
การลาป่วย พนักงานต้องยื่นใบลาป่วยหลังจากที่กลับเข้ามาทำงานแล้วโดยเร็วที่สุด และการ
ลาเพื่อไปพบแพทย์ต้องลาล่วงหน้ากับหัวหน้าแผนก
11.4
พนักงานสามารถนำวันหยุดตามประเพณีนิยม หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปีของตนที่ยังไม่
ถึงกำหนดมาใช้ลาหยุดก่อนล่วงหน้าก็ได้
แต่พนักงานต้องจ่ายคืนเงินให้บริษัทฯตามจำนวน
วันที่ได้นำมาใช้ลาล่วงหน้าแล้ว
หากพนักงานต้องพ้นจากการเป็นพนักงานก่อนวันที่ตนจะมี
สิทธิหยุดดังกล่าว
11.5
วันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้นพนักงานสามารถสะสมได้ไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันที่ได้สิทธิ์ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้จัดการฝ่าย
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และผู้จัดการทั่วไป
สิทธิ์วันลาดังกล่าวในข้อ 6 ถึง ข้อ 10
ในกรณีที่พนักงานไม่ใช้สิทธิ์ จะเก็บสะสมหรือนำมา
เพื่อคิดคำนวณเป็นเงินค่าจ้างไม่ได้
หมวดที่ 4
การทำงานล่วงเวลา
และการทำงานในวันหยุด
1. โรงแรมจะให้พนักงานทำงานล่วงเวลาได้ ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากพนักงานก่อนเป็น
คราว ๆไปโดยที่โรงแรมจะจ่ายค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติเท่ากับค่าจ้าง
จำนวนหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง ส่วนการทำงานล่วงเวลาในวันหยุดโรงแรม
จ่ายค่าจ้างให้ในอัตราสามเท่าของอัตราค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง ทั้งนี้พนักงานที่ทำงานล่วงเวลา
สามารถจะรับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาเป็นค่าจ้างหรือวันหยุดก็ได้
ถ้าเป็นวันหยุด
โรงแรมก็จัดให้หยุดตามอัตราเดียวกันกับการจ่ายให้เป็นเงินค่าจ้าง
2.
โรงแรมอาจให้พนักงานมาทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ของพนักงานได้เท่าที่จำเป็นและ ได้รับความยินยอมจากพนักงาน
โดยโรงแรมจะจัดวันหยุดชดเชยให้พนักงานที่ทำงานในวันหยุดไปหยุดในวันอื่น ทั้งนี้การหยุดชดเชยนั้นต้องอยู่ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน นับแต่วันที่มาทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์
หมวดที่
5
การบริหารค่าจ้าง
1.
ระดับของพนักงาน
ระดับของพนักงานของโรงแรม แบ่งออกเป็น ระดับ ดังนี้คือ
ระดับที่ 1,1A,2,2A, ระดับปฏิบัติการ
ระดับที่ 2B,3,3A, ระดับหัวหน้างานระดับต้น
ระดับที่ 4,4A,5,6 ระดับหัวหน้างานระดับกลาง
ระดับที่ 7 ขึ้นไป ระดับหัวหน้างานระดับสูง
2.
การขึ้นเงินเดือนและการเลื่อนตำแหน่ง
นโยบายต่อไปนี้ถูกกำหนดขึ้นไว้เพื่อให้ทางโรงแรมสามารถควบคุมงบประมาณเงินเดือนประจำปีได้
2.1
การขึ้นเงินเดือนในระหว่างปี
โรงแรมจะทำการขึ้นเงินเดือนในระหว่างปีได้ก็ต่อเมื่อมีการเลื่อนตำแหน่งพนักงานให้สูงขึ้นกว่าตำแหน่งเดิม
ภายหลังที่ผ่านการทดลองงานในตำแหน่งใหม่แล้วเป็นเวลา 90 วัน
และได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่ได้เลื่อนขึ้นนั้นโดยให้เพิ่มอัตราเงินเดือนไม่ต่ำกว่า
8 % ของอัตราเงินเดือนในตำแหน่งเดิมก่อนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
แต่ถ้าเมื่อได้ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มอีก 8 % ดังกล่าวแล้ว
อัตราเงินเดือนใหม่ก็ยังไม่เท่าอัตราเงินเดือนของตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการปรับเลื่อนขึ้นนั้น
ทางโรงแรมตกลงปรับอัตราเงินเดือนให้กับพนักงานให้เท่ากับอัตราเงินเดือนขั้นต่ำสุดของตำแหน่งหรือขั้นที่ได้รับการปรับเลื่อน
2.2
การขึ้นเงินเดือนประจำปีและการปรับขั้นของตำแหน่งจะกระทำในเดือนมกราคมของทุกปีโดยคำนึงถึงผลประกอบการของโรงแรม
ผลการปฏิบัติงานของพนักงานของแต่ละบุคคล ตลอดจนปัจจัยอื่นๆเช่น ค่าครองชีพ
สภาวะเศรษฐกิจ ความสามารถของโรงแรม เป็นต้น
มาใช้ประกอบกันเป็นหลักในการใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาขึ้นเงินเดือนประจำปี
พนักงานใหม่จะได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือนประจำปีหลังจากที่ได้ทำงานมาแล้วครบ 1
ปีบริบูรณ์ ในวันที่ประกาศกำหนดการขึ้นเงินเดือนประจำปีนั้นๆเท่านั้น
2.3
การประเมินผลการปฏิบัติงาน
พนักงานจะได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกๆเดือน
โดยหัวหน้างานและผู้จัดการแผนก
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานได้มองย้อนดูผลการปฏิบัติงานของตนเองซึ่งจะได้เห็นถึงข้อบกพร่องเพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงและพัฒนาในด้านความรู้
ความชำนาญ ทัศนคติ ประสิทธิภาพ ปริมาณงาน การแต่งกาย และการรักษาสุขภาพอนามัย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้เป็นข้อพิจารณาตัดสินใจในการส่งเสริมความก้าวหน้าของพนักงาน
3.
เงินเดือน
3.1
พนักงานจะได้รับเงินเดือนทุกวันสุดท้ายของเดือน
หากวันสุดท้ายของเดือนตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
หรือวันหยุดราชการ การจ่ายเงินเดือนจะเลื่อนเร็วขึ้นอีก 1 วัน
3.2
ทางโรงแรมจะทำการจ่ายเงินเดือน
ณ ที่ทำการของบริษัทฯ หรือจ่ายเข้าบัญชีธนาคารของพนักงานโดยตรง
หมวดที่
6
สวัสดิการ
1. สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล
ทางโรงแรมจัดให้มีแพทย์และพยาบาลประจำที่ห้องพยาบาลของโรงแรม
แพทย์ประจำที่ห้องพยาบาลวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ ช่วงเวลา
12.00-13.00และ14.00-15.00 น.
พยาบาลประจำที่ห้องพยาบาล วันจันทร์-วันศุกร์ ช่วงเวลา 9.00 น.-16.00 น.
1.1 ยาและอุปกรณ์การปฐมพยาบาล
พยาบาลประจำห้องพยาบาลของโรงแรมจะไม่จ่ายยาให้ตามที่พนักงานขอยาและ
อุปกรณ์การปฐมพยาบาลดังต่อไปนี้เท่านั้น
ที่จะจัดเก็บภายนอกห้องปฐมพยาบาล
ของโรงแรมและจ่ายให้ตามที่พนักงาน เมื่อมีอาการ ดังนี้
ยาแอสไพริน แก้ปวดหัว ปวดฟัน
แอสสัมมิลด์ แก้ปวดท้อง
โลโม แก้ท้องเดิน
ทิงเจอร์ รักษาบาดแผล
แอลกอฮอล์ แอมโมเนีย โฮโรเจนเปอร์ออกไซด์ พลาสเตอร์ แบนเดจ สำลี
ยาแก้น้ำร้อนลวก ยาดังกล่าวจะจัดเก็บไว้ในตู้ยาตามแผนกต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.
แผนกช่าง
2.
ในครัวทุกแห่ง
3.
แผนกรักษาความปลอดภัย
4.
แผนกต้อนรับส่วนหน้า
5.
แผนกทรัพยากรมนุษย์
ยาและอุปกรณ์การปฐมพยาบาลจะไม่จ่ายให้แก่พนักงานในเวลาทำการดังกล่าวของห้อง
พยาบาลของโรงแรม
พนักงานจะต้องเซ็นรับยาและอุปกรณ์การปฐมพยาบาลทุกครั้งเมื่อมีการ
เบิก
1.2 การบาดเจ็บเนื่องจากการทำงาน
พนักงานที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นโรค
หรือได้รับเชื้อโรคที่เกิดจากการทำงาน
ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดต้องรายงานให้หัวหน้างานและแผนกทรัพยากรมนุษย์ทราบทันที
1.2.1
พนักงานจะได้รับการปฐมพยาบาลจากห้องพยาบาลของโรงแรม หากการาดเจ็บ
หรือเจ็บป่วยนั้นเกิดขึ้นในระหว่างเวลาทำการของห้องพยาบาล
1.2.2 พนักงานจะได้รับการปฐมพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยนั้นเกิดขึ้นหลังเวลาทำการของห้องพยาบาลของโรงแรม
1.2.3
กองทุนเงินทดแทนกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจะจ่ายค่า
รักษาพยาบาลให้สูงสุดไม่เกิน
35,000 บาท
1.2.4แผนกทรัพยากรมนุษย์
เป็นผู้รับผิดชอบในการเบิกเงินค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทน
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
1.3 กองทุนเงินทดแทน
กองทุนเงินทดแทนจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สูงสุดไม่เกิน
35,000 บาท
เป็นค่าทดแทน
เนื่องจากการได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่นี้
หมายความว่า กองทุนเงินทดแทนจะจ่ายให้กับ
พนักงานในอัตรา
60 % ของเงินเดือน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว บริษัทฯจะจ่ายให้กับพนักงาน
โดยไม่เก็บไว้
ทั้งนี้พนักงานที่มีสิทธิ์ได้รับค่าทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนนี้จะต้องบาดเจ็บ
มากกว่า
3 วันติดต่อกันขึ้นไปและระยะเวลาการจ่ายจะไม่เกิน 1 ปี
1.4
พนักงานจะไม่ได้รับค่าทดแทนถ้าหากการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยเกิดจากสาเหตุ
ดังต่อไปนี้
1.4.1
เสพเครื่องดองของเมาไม่สามารถครองสติได้
1.4.2
เจตนาให้ตนเองหรือผู้อื่นประสบอันตรายหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนประสบอันตราย
1.5
รายงานอุบัติเหตุ
กรณีที่มีอุบัติเหตุและการบาดเจ็บเกิดขึ้นระหว่างการปฎิบัติหน้าที่
จะต้องรายงานและแจ้ง
ให้หัวหัวหน้าแผนก
และแผนกรักษาความปลอภัยรับทราบทันทีเพื่อดำเนินการช่วยเหลือ
2.
เงินช่วยเหลือพนักงานและบุคคลในครอบครัวกรณีเสียชีวิต
2.1 ในกรณีที่พนักงานของโรงแรมเสียชีวิตโรงแรมจะรับเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้
1 คืน ดอกไม้ตั้ง หน้าศพ 1 ที่ และเงินช่วยเหลือจากทางโรงแรมจำนวน 10,000
บาท
2.2 สำหรับการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัวพนักงาน ( บิดา มารดา สามี
ภรรยา และ
บุตรของพนักงานตามกฎหมาย ) โรงแรมจะช่วยเหลือดอกไม้ตั้งหน้าศพ
1 ที่ และ
เงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวพนักงานจำนวน
2,000 บาท ซึ่งพนักงานจะต้องนำ
สำเนาใบมรณบัตรมาแสดงให้กับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ภายหลังเสร็จสิ้นงาน
2.3 กรณีที่ครอบครัวของพนักงานอยู่ต่างจังหวัด โรงแรมจะโรงแรมจะช่วยเหลือดอกไม้
ตั้งหน้าศพ 1 ที่ และเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวพนักงานจำนวน
2,000 บาท ซึ่ง
พนักงานจะต้องนำสำเนาใบมรณบัตรมาแสดงให้กับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ภายหลัง
เสร็จสิ้นงาน และค่าพาหนะเดินทางสำหรับผู้ร่วมงานจำนวน
2,000 บาท
3.
เงินช่วยเหลือพนักงานตามอายุงานกรณีเสียชีวิต
โรงแรมได้ให้เงินช่วยเหลือพนักงานกรณีเสียชีวิตแก่พนักงานที่เป็นพนักงานประจำแล้ว
ในอัตราดังนี้
3.1 พนักงานที่มีอายุการทำงานไม่เกิน
5 ปี คนละ 25,000 บาท
3.2 พนักงานที่มีอายุการทำงานเกิน 5
ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี คนละ 27,500 บาท
3.3 พนักงานที่มีอายุการทำงานเกิน 10
ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี คนละ 30,000 บาท
3.4
พนักงานที่มีอายุการทำงานเกิน 20 ปี ขึ้นไป คนละ
40,000 บาท
ข้อยกเว้นที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง
-
จงใจทำให้ตนเองได้รับอันตรายถึงแกชีวิต
ไม่ว่าจะจิตปกติหรือไม่ปกติ
-
ก่ออาชญากรรม
หรือขณะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่เพราะก่ออาชญากรรมนั้น
หรือประพฤติผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน
และได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตเพราะการกระทำดังกล่าว
-
เข้าร่วมการจราจล
หรือเดินขบวนที่ผิดกฏหมายและได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต
4.
อาหารสำหรับพนักงาน
โรงแรมได้จัดอาหารไว้บริการให้แก่พนักงานทุกคนในห้องอาหารของพนักงาน
ห้องอาหาร
จะเป็นสถานที่สำหรับพนักงานทุกคนหยุดพักรับประทานอาหารในช่วงระหว่างการปฏิบัติ
หน้าที่อันเป็นสวัสดิการที่โรงแรมจัดไว้ให้
สถานที่และกำหนดเวลาการรับประทานอาหาร
ห้องอาหารพนักงานนั้นอยู่ติดกับแผนกซักรีด
พนักงานแต่ละคนมีสิทธิ์รับประทานอาหารได้
2 มื้อต่อวัน กำหนดเวลารับประทานอาหารมี
ดังนี้
อาหารเช้า เวลา 06.00
– 07.00
อาหารกลางวัน เวลา 10.30
– 13.00
อาหารเย็น เวลา 16.30
– 18.00
อาหารรอบดึก เวลา 24.00
– 01.00
5.
สันทนาการและกิจกรรมทางสังคม
เพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจแก่พนักงานให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม
โรงแรมจึงได้จัด
ให้มีกิจกรรมต่างๆขึ้น
ซึ่งได้จัดวางแผนไว้แต่ละปีตามสถานการณ์ของบริษัทฯ และดำเนินการโดย
คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นโดยผู้จัดการทั่วไปในแต่ละปี
5.1 งานเลี้ยงสังสรรค์พนักงาน
5.2 กีฬาสีประจำปี
5.3 สันทนาการและการทำกิจกรรมนอกสถานที่
6.
การบริการซักรีด
พนักงานในระดับบริหาร
ผู้จัดการแผนก จะได้รับการบริการฟรีในสวัสดิการซักรีดของโรงแรม
สำหรับชุดทำงานพนักงานทั่วไป
จะได้รับบริการในสวัสดิการซักรีดของโรงแรม สำหรับ
เครื่องแบบแต่งกายของโรงแรมที่สวมใส่ในขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
7.
ยานพาหนะ
โรงแรมได้จัดรถบริการส่งพนักงาน
โดยไม่คิดค่าบริการตามตารางเวลาที่ได้กำหนดไว้ให้มีจำนวน
เพียงพอต่อพนักงาน
ในกรณีที่วันใดไม่มีรถส่งพนักงาน โรงแรมจะจ่ายค่าพาหนะให้ตามความเป็นจริง
8.
การสื่อสาร ข่าวสาร
โรงแรมนารายณ์มีความประสงค์ที่จะให้พนักงานทุกคนทำงานอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่มีการ
สื่อสารกันอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยวิธีการสนับสนุนในด้านการสื่อสาร
ดังนี้
บอร์ดประกาศ ประกาศเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆด้านการศึกษา
ข่าวสารอาชีพ
ข่าวสารที่น่าสนใจทั่วๆไป
ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมสร้างนิสัยในการอ่านและติดตามข่าวสาร
ประจำวัน
การให้ข่าวสารของพนักงานแก่โรงแรม
ให้แจ้งข้อมูลกาเปลี่ยนแปลงต่อแผนกทรัพยากรมนุษย์
ดังนี้
ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์
สถานภาพสมรส
บุคคลที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
หรือมีอุบัติเหตุ
ชื่อและแผนก
การประชุมของแผนก การประชุมในแต่ละแผนก โดยปกติจะจัดให้มีการประชุมอย่างน้อย
1 ครั้ง
ต่อเดือน
เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น อันเป็น
การเสริมสร้างประสบการณ์ในการทำงานอีกอย่างหนึ่ง
ข้อเสนอแนะความคิดเห็น พนักงานทุกคนควรสนใจและพยายามเสนอแนะข้อคิดเห็น เพื่อปรับ-
ปรุงการดำเนินงานของบริษัทฯ
เพื่อประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย วัสดุ หรือเพื่อปรับปรุงวิธีการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น
หรือเพิ่มความปลอดภัย ข้อเสนอแนะ โดยให้เขียนข้อความสั้นๆได้ใจความ ส่ง
ที่กล่องรับความคิดเห็นของพนักงานเพื่อผลประโยชน์ของโรงแรม คณะกรรมการผู้บริหารจะนำ
ข้อเสนอแนะนั้นๆมาพิจารณาทบทวนทุกๆเดือนและชี้แจงให้พนักงานทราบ ผ่านการประชุม
ประจำเดือน
9.
การเกษียณอายุ พนักงานที่เกษียณอายุจะได้รับประกาศนียบัตร พร้อมของที่ระลึกเพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิต
การขอบคุณและชมเชยที่ได้ร่วมงานกับองค์กร
10. การฝึกอบรม จุดมุ่งหมายของโรงแรมคือ ความพยายามที่จะพัฒนาด้านการบริการให้อยู่ใน
ระดับมาตรฐานสากล
ความพยายามดังกล่าวจะบรรลุถึงเป้าหมายได้นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอบรม
รวมไปถึงการพัฒนาด้านบุคลากรด้วยทั้งในระดับบริหาร
และพนักงานยิ่งไปกว่านั้น คณะผู้บริหาร ของโรงแรมนารายณ์
ยังได้ตระหนักถึงการก้าวไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ทำนองเดียวกันก็ต้องมีการฝึกอบรมและพัมนาพนักงานในทุกๆระดับ
โครงการฝึกอบรมต่างๆที่ทางโรงแรมได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆปี
จะได้ผลดีนั้นต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกๆฝ่าย
ซึ่งฝ่ายบริหารและผู้จัดการทั่วไปก็ได้ให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและบุคลากรเช่นกัน
ในสถาบันของนารายณ์
ได้กำหนดหลักเกณฑ์กิจกรรมของการฝึกอบรมขึ้น
เพื่อให้พนักงาน
ทุกคนได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ การฝึกอบรมแต่ละ ครั้งมีหลักสูตรต่างๆที่น่าสนใจอันเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึก
โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษซื่งเป็นภาษาหลักที่สำคัญและจำเป็นต่อพนักงานทุกๆตนที่ควรฝึกฝนเรียนรู้
เป็นนโยบายของทางบริษัทฯที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงาน
เพื่อให้พนักงานได้
ปฏิบัติงานในหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกอบรมที่จัดให้พนักงานมีดังต่อไปนี้
10.1
การฝึกอบรมตามกฏหมาย
10.2
การฝึกอบรมตามความต้องการของบริษัทฯ
10.3
การฝึกอบรมตามความต้องการของส่วนงาน
10.4
การฝึกอบรมตามความต้องการส่วนบุคคล
ซึ่งในแต่ละปีทางแผนกฝึกอบรมจะจัดตารางสำหรับการฝึกอบรมประจำปีในปีนั้น
ๆ และ
มอบหมายให้ทางผู้จัดการแผนกได้จัดสรรแผนการฝึกอบรมรายบุคคลเพื่อทำการฝึกอบรมในปีนั้นๆ
11. อัคคีภัยหรืออุทกภัย ถ้าพนักงานประสบอัคคีภัยหรืออุทกภัย
โรงแรมจะพิจารณาให้ความ
ช่วยเหลือตามสมควรเป็นรายๆไปในวงเงินไม่เกินรายละ
6,000 บาท โดยถือหลักเกณฑ์พิจารณาให้ความช่วยเหลือ คือ
อายุการทำงาน ประวัติการทำงาน ความเสียหายจากอัคคีภัยหรืออุทกภัย
และฐานะความเป็นอยู่ของผู้ถูกอัคคีภัย
12. การตรวจสุขภาพประจำปี โรงแรมจะจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีแก่พนักงานทุกคน
อย่างน้อยปีละครั้ง
โดยที่พนักงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
13. การเยี่ยมไข้ กรณีที่พนักงานเจ็บป่วยและต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นคนไข้ในของโรงพยาบาล
ทางโรงแรมจะจัดตะกร้าเยี่ยมไข้
1 ตะกร้า รวมไปถึงบิดา มารดา สามี ภรรยาและบุตรของพนักงาน
ด้วย
14. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โรงแรมได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับพนักงานประจำ
ตาม
พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พ.ศ.2530 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไปโดยให้
มีการหักค่าจ้างของพนักงานจ่ายเข้ากองทุนเพื่อเป็นเงินสะสมในอัตราขั้นต่ำร้อยละ
3 ของค่าจ้างที่
ได้รับและทางโรงแรมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯในอัตราเดียวกันกับพนักงานแต่ละคนเข้ากองทุนด้วย
15. เงินชดเชยในการเกษียณอายุของพนักงาน
เมื่อพนักงานมีอายุครบ 60 ปี ให้ถือว่าพนักงานผู้นั้นได้เกษียณและจะได้รับสิทธิประโยชน์
ดังนี้
15.1
เงินชดเชยตามพระราชบัญญัติกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
15.2
เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
16. เงินโบนัส เงินโบนัส
หมายความว่า เงินที่โรงแรมจ่ายค่าตอบแทนแก่พนักงานในกรณีที่โรงแรม
มีกำไรจากผลประกอบการ
ซึ่งผลกำไรจะคิดคำนวณจากยอดขายของโรงแรมและถูกกำหนดขึ้นเป็น
เป้าหมายโดยคิดคำนวณตามฐานเงินเดือนของพนักงานแต่ละคน
และจ่ายให้แก่พนักงานภายในวัน
สิ้นเดือนมกราคมของทุกปี
หลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสประจำปี
16.1
ในกรณีที่โรงแรมมีผลประกอบการในรอบปีเท่ากับเป้าหมายที่โรงแรมได้กำหนดไว้ในรอบปีนั้น
โรงแรมจะจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานทุกคนๆละ 1 เดือนของอัตราเงินเดือนที่ได้รับ
16.2
ในกรณีที่โรงแรมมีผลประกอบการในรอบปีสูงกว่าเป้าหมายที่โรงแรมได้กำหนดไว้ในรอบปีนั้น
โรงแรมจะจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานทุกคนๆละมากกว่า 1 เดือนโดยในส่วนที่เกินกว่า 1
เดือนนั้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่โรงแรมกำหนด
16.3
ในกรณีที่โรงแรมมีผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายที่โรงแรมได้กำหนดไว้ในรอบปี
โรงแรมจะจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานทุกคนในอัตราที่ต่ำกว่า 1
เดือนหรืออาจจะไม่จ่ายเงินโบนัสก็ได้ ทั้งนี้กรณีที่โรงแรมจ่ายเงินโบนัส
โรงแรมอาจจ่ายเงินโบนัสตามอัตราส่วนของผลประกอบการที่โรงแรมได้รับจริงและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่โรงแรมกำหนด
16.4
ในการจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานตามข้อ
16.1-16.3 ให้นำเวลาการทำงาน ได้แก่ การลาป่วย การลากิจ
และการขาดงานในรอบปีการทำงานของพนักงานแต่ละคนมาพิจารณาประกอบด้วย ดังนี้
16.4.1
พนักงานที่ลากิจ
ลาป่วยหรือขาดงานไม่เกิน 5 วันจะได้รับโบนัส 100 %
16.4.2
พนักงานที่ลากิจ
ลาป่วยหรือขาดงาน 6-7 วันจะได้รับโบนัส 90 %
16.4.3
พนักงานที่ลากิจ
ลาป่วยหรือขาดงาน 8-11 วันจะได้รับโบนัส 80 %
16.4.4
พนักงานที่ลากิจ
ลาป่วยหรือขาดงาน 12 วันจะได้รับโบนัส 50 %
16.4.5
พนักงานที่ลากิจ
ลาป่วยหรือขาดงานตั้งแต่ 15 วันขึ้นไปจะไม่ได้รับโบนัส
อนึ่ง
ในกรณีที่พนักงานผู้ใดกระทำความผิดและได้รับหนังสือเตือนจะถูกตัดโบนัสเพิ่มขึ้นอีกในอัตราครั้งละ
10 % ของโบนัสที่จะได้รับ
เว้นแต่เป็นกรณีที่พนักงานได้รับหนังสือเตือนในเรื่องมาทำงานสาย โรงแรมจะไม่นำมาคำนวณในการจ่ายโบนัสประจำปี
คำว่า “ลาป่วย” ในหลักเกณฑ์การคำนวณจ่ายเงินโบนัสมิได้หมายความรวมถึง
(1) การลาป่วยที่เป็นคนไข้ในของโรงพยาบาล
(2) การลาป่วยในกรณีประสบอันตรายอันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้าง
(3) กรณีเจ็บป่วยจริง และมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาล
หรือสถานพยาบาลมาแสดง และแพทย์ลงความเห็นว่าต้องพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
(4) การลาป่วยที่ไม่ถึง 3 วัน มีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลมาแสดงได้ปีละไม่เกิน
3 วัน
คำว่า
“ลากิจ” ในหลักเกณฑ์เรื่องโบนัสไม่หมายรวมถึง
การลากิจเพื่อจัดงานศพบิดา มารดา สามี
ภรรยา
และบุตร ทั้งนี้โรงแรมจะไม่นำวันลากิจ วันลาป่วย
ดังกล่าวนี้เป็นเงื่อนไขในการหักเงินโบนัสและไม่นำไปเป็นหลักเกณฑ์ในการขึ้นเงินเดือนประจำปีด้วย
หมวดที่
7
สุขภาพ
และความปลอดภัย
1.
ความรับผิดชอบของพนักงานทุกคน
ความรับผิดชอบในการรักษาสุขภาพอนามัย
ความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน เป็นความร่วมมือ
กันระหว่างฝ่ายบริหารและพนักงานทุกคน
ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากทุกคนละเลยไม่เอาใจ
ใส่ต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น
หรือการนำมาซึ่งสาเหตุให้เกิดอันตราย ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นตัว
พนักงานเองหรือลูกค้า
การขจัดภัยอันตรายต่างๆนั้น โรงแรมจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือ
จากพนักงานทุกคน ให้มีการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานโดย
สม่ำเสมอเป็นประจำ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยให้สอบถามจากหัวหน้า
หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์เพื่อความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะช่วยให้โรงแรม
นารายณ์ของเราเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในการทำงาน
และการมาเยี่ยมเยือนของลูกค้า
2.
สุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน
เป็นนโยบายของโรงแรมเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
หรือภัยอันตรายที่เกิดขึ้นจากการทำงานจึงได้
มีการฝึกฝนอบรมวิธีปฏิบัติตนในการรักษาความปลอดภัย
พนักงานทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันสุขภาพรอบๆตัวในขณะปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ
2.1 การจัดการ
1.
การฝึกฝนโดยจัดให้มีและบำรุงรักษาตามที่เห็นสมควร
ดังนี้
-
สิ่งแวดล้อมในการงานที่ปลอดภัย
-
การจัดระบบความปลอดภัย
-
ต้นไม้และวัสดุอุกรณ์อยู่ในสภาพปลอดภัย
2.
การให้ข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำ การฝึกสอน
ดูแลให้ปลอดภัยจากอันตราย และความเสี่ยง
ต่างๆแก่พนักงาน
-
ลดความเสี่ยงอันตรายที่เกิดจากไฟไหม้ การระเบิด
-
จัดหาอุปกรณ์ในการป้องกันที่เหมาะสมและให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
-
เก็บข้อมูลและบันทึกการเกิดอุบัติเหตุความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพนักงาน
-
จัดให้มียา การบริการด้านสุขภาพ การพยาบาลเบื้องต้น
-
ตรวจสอบอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงานทุกๆครั้ง
-
มีผู้ควบคุมดูแลสถานที่ทำงานซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการและควบคุมของโรงแรมฯ
2.2 หัวหน้างาน
บทบาทและความรับผิดชอบของหัวหน้างานมีดังนี้
-
ต้องมั่นใจว่าพนักงานที่อยู่ในความควบคุมทำงานอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
-
รายงานอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ควบคุม
-
ดูแล
ตรวจตราเพื่อให้การใช้วัสดุอุปกรณ์เป็นไปอย่างถูกต้อง
รวมทั้งการฝึกสอนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
-
รายงานทันทีที่ทราบว่าจะเกิดภาวะความเสี่ยง
-
มั่นใจว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ดื่มสุรา
หรือเสพยาเสพติดในขั้นที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อการปฏิบัติหน้าที่
2.3 พนักงาน
พนักงานต้องมีความรับผิดชอบและจะไม่กระทำการใดๆที่จะลดประสิทธิภาพในการทำงาน
ซึ่งจะต้องปฏิบัติ ดังนี้
-
ดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงานตามสมควร
-
มั่นใจว่าไม่ทำให้ผู้อื่นตกอยู่ภาวะอันตรายตลอดจนละเลยการปฏิบัติหน้าที่
-
มั่นใจว่าการใช้เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ถูกต้องตรงกับลักษณะงาน
-
เชื่อฟังคำสั่งและปฏิบัติตามกฏข้อบังคับที่จะป้องกันสุขภาพและอุบัติเหตุต่อตนเองและผู้อื่น
-
ไม่ดื่มสุราของมึนเมาและสิ่งเสพติดจนถึงขึ้นก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นในขณะปฏิบัติหน้าที่
-
ให้รายงานเสนอความคิดเห็นต่อหัวหน้างานเมื่อพบว่าจำเป็นต้องมีการหลีกเลี่ยง
ขจัดอันตรายที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้หัวหน้างานพิจารณาหาวิธีการควบคุม และป้องกัน
3.
การป้องกันอัคคีภัย
ให้มีการติดตามเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติการเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นและคู่มือ
คำแนะนำการใช้หรือวิธีปฏิบัติจะต้องเก็บไว้ในแต่ละแผนก
ข้อควรจำ
ในการอพยพ
-
อย่าตื่นตระหนก
-
เดินอย่างรวดเร็ว
อย่าวิ่ง
-
ความปลอดภัยของชีวิตควรมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ
4.
การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
การป้องกันอัคคีภัยเป็นความรับผิดชอบของพนักงานทุกคน
พนักงานมีส่วนช่วยให้การเกิดอัคคีภัยมี
ความเสี่ยงลดลง
หากเกิดอัคคีภัยขึ้นนั่นหมายถึงการอยู่รอดของชีวิตเรา เพื่อนร่วมงาน และลูกค้าของ
โรงแรม
เราควรจะรู้วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติภัย
สถานที่ติดตั้งอุปกรณ์การป้องกันในการดับเพลิงและทาง
หนีไฟ
5.การปฐมพยาบาล
พนักงานต้องทราบสถานที่เก็บยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาล
ไม่ควรจะให้การช่วยเหลือลูกค้า ถ้า
หากพนักงานไม่มีความรู้
หรือไม่ได้รับการอบรมในการปฐมพยาบาลมาก่อน
หมวดที่ 8
หน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงาน
1.
เครื่องแบบ ป้ายชื่อ
บัตรประจำตัว และกุญแจตู้
1.1 พนักงานต้องสวมเครื่องแบบหรือสิ่งอื่นใดที่ทางโรงแรมจัดให้กับพนักงานเพื่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเพื่อป้องกันอันตราย
1.2 เครื่องแบบ ป้ายชื่อ บัตรประจำตัว กุญแจตู้และสิ่งอื่นๆ
ที่ทางโรงแรมจัดให้กับพนักงานนั้น ทางโรงแรมเป็นเจ้าของ
พนักงานต้องคืนสิ่งของเหล่านี้ให้แก่แผนกทรัพยากรมนุษย์เมื่อพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน
1.3 พนักงานจะต้องรับผิดชอบสำหรับความเสียหายหรือสูญหายเกี่ยวกับทรัพย์สินที่กล่าวมาแล้วในข้อ
1.2 ตามแต่กรณีไปเป็นเรื่องๆ
1.4 โรงแรม
จะเป็นผู้ซักรีดเครื่องแบบที่ได้จัดให้กับพนักงานโดยไม่คิดมูลค่า
1.5 ให้สวมเครื่องแบบที่ทางโรงแรมได้จ่ายให้ในช่วงเวลาการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
1.6 เมื่อพนักงานทุกคนที่ได้รับการว่าจ้างให้ทำงานกับโรงแรม
จะได้รับป้ายชื่อ และบัตรประจำตัวพนักงาน ป้ายชื่อให้ติดที่หน้าอกด้านซ้ายมือ
1.7 พนักงานจะได้รับตู้ล็อกเกอร์
เครื่องแบบทำงานของพนักงานจะต้องจัดเก็บในตู้ล็อกเกอร์
ซึ่งทางโรงแรมได้จัดเตรียมไว้ให้ ตู้ล็อกเกอร์นี้เป็นทรัพย์สินของทางโรงแรม
อนุญาติให้เฉพาะพนักงานเท่านั้น การตรวจเช็คตู้ล็อกเกอร์จะกระทำตามกำหนดระยะเวลา
ซึ่งจะทำการตรวจเช็คโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วมกับตัวแทนของฝ่ายบริหาร
และผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเป็นการดูแลรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน
ห้ามพนักงานใช้ตู้ล็อกเกอร์ร่วมกับพนักงานผู้อื่น ห้ามทรัพย์สินมีค่า
หรือเงินสดไว้ในตู้ล็อกเกอร์ หากสูญหายโรงแรมจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
สัญญาณโทรศัพท์
โทรศัพท์ของโรงแรม
มีไว้เพื่อติดต่อธุรกิจของโรงแรมเท่านั้น ไม่อนุญาติให้พนักงานใช้โทรศัพท์ของ
โรงแรมเพื่อติดต่อธุรกิจส่วนตัว
หากพนักงานมีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ระหว่างเวลาปฏิบัติหน้าที่
ให้กระทำช่วงเวลาหยุด
พักหรือช่วงเวลาอาหาร
ไม่อนุญาติให้พนักงานรับโทรศัพท์ส่วนตัวระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ยกเว้น
กรณีฉุกเฉิน
โดยใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งไว้ให้
2.
บุคลิกลักษณะและกิริยาท่าทาง
ความสะอาดและการแต่งกาย
พนักงานจะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาดของร่างกายและการ
แต่งกายด้วยตนเอง ให้ปรากฏแก่สายตาของลูกค้า
หรือเพื่อนร่วมงานอยู่ตลอดเวลา ผม เล็บ พนักงาน
จะต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
อาบน้ำชำระร่างกายเป็นประจำทุกวันและใช้น้ำยาระงับกลิ่นตัว
มาตรฐานในการดูแลรักษาความสะอาดของพนักงานชาย – หญิง
2.1 พนักงานหญิง
ให้แต่งหน้า
ซึ่งมองดูแล้วเป็นธรรมชาติ หากทาเล็บให้ใช้สีที่ไม่ฉูดฉาด พนักงานที่ต้องทำงาน
ติดต่อหรือบริการลูกค้า
โรงแรมไม่อนุญาตให้ใส่เครื่องประดับ จะอนุญาตเฉพาะแหวนหมั้น หรือ
แหวนแต่งงาน
และนาฬิกาข้อมือเท่านั้น สีผมและทรงผม ให้เป็นไปตามธรรมชาติและเหมาะสม
ไม่มี
รอยสักตามร่างกาย
น้ำหอม โคโลญจน์ เครื่องประทินความหอม ควรใช้กลิ่นอ่อนๆ ไม่ฉุนจนเกินไป
2.2 พนักงานชาย
ไม่อนุญาตให้ไว้หนวดเครา ผมต้องสะอาดไม่ยาวรุงรังเกินปกคอเสื้อ
ไม่อนุญาตให้สวมใส่
เครื่องประดับโดยเฉพาะตุ้มหูและกำไลข้อมือ
อนุญาตให้ใส่เฉพาะแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน ไม่มี
รอยสักปรากฏให้เห็นตามร่างกาย
น้ำหอม โคโลญจน์ เครื่องประทินความหอม ควรใช้กลิ่นอ่อนๆไม่
ฉุนจนเกินไป
รองเท้า
หากพนักงานต้องทำงานติดต่อกับลูกค้า ผู้จัดการแผนกจะอนุญาตให้สวมใส่รองเท้าตาม
ความเหมาะสมและต้องขัดเงาทำความสะอาดให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลา
พนักงานที่อยู่ส่วนหลังก็จะ
สวมใส่รองเท้าตามความเหมาะสม สะดวกและปลอดภัยในขณะปฏิบัติหน้าที่
ไม่อนุญาตให้สวมใส่
รองเท้าแตะ และไม่ควรถอดรองเท้าในขณะทำงาน
ระเบียบนี้ให้ถือปฏิบัติทั้งพนักงานชายและ
พนักงานหญิง
3. กฏแห่งความประพฤติ
นโยบายโดยทั่วไปสำหรับกฏแห่งความประพฤติของพนักงานโรงแรมนั้น
คือทางโรงแรมต้องการให้
พนักงานทุกคนปฏิบัติงานในหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความสามารถของแต่ละคน และต้องประพฤติ
ตนทั้งในขณะปฏิบัติหน้าที่และเมื่ออยู่ภายนอกบริษัทฯ
เพื่อก่อให้เกิดผลดีทั้งต่อตนเองและเพื่อ
ชื่อเสียงของโรงแรมที่ได้กำหนดไว้ทุกประการ
3.1 การมาทำงาน
3.1.1
พนักงานต้องมาทำงานตามเวลา
และต้องปฏิบัติไปจนถึงเวลาที่ได้กำหนดไว้
นอกจากจะได้รับอนุญาตจากผู้จัดการแผนกให้เลิกงานก่อนเวลาได้
3.1.2
การมาทำงานสายเกินกว่าที่ได้กำหนดไว้ใข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
จะต้องได้รับการดำเนินงานทางด้านวินัย
3.1.3
หากพนักงานมีความจำเป็นจะต้องลาหยุดงานโดยกระทันหันด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถลาหยุดล่วงหน้าได้
หรือไม่สามารถลาหยุดด้วยตนเองได้
พนักงานควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบโดยทันทีและพนักงานควรชี้แจงเหตุผลสำหรับการขอลาหยุดและแจ้งวันกำหนดการกลับมาทำงานได้ตามปกติ
หากพนักงานไม่สามารถติดต่อผู้บังคับบัญชาได้ให้ติดต่อผ่านไปยังผู้รักษาเวลาหรือแผนกทรัพยากรมนุษย์
หรือผู้จัดการรอบดึกหรือพนักงานรักษาความปลอดภัย และเว้นแต่กรณีและฝากข้อความในรายละเอียด
ดังต่อไปนี้
-ชื่อและแผนก
-วันและเวลาทำงานที่ถูกกำหนดไว้ในวันทำงาน
-เหตุผลที่ไม่สามารถมาทำงานได้
และแจ้งกำหนดวันที่สามารถกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ
พนักงานเองจะต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตหยุดด้วยตนเองต่อผู้บังคับบัญชา
ไม่ควรให้
เพื่อนหรือญาติ
เป็นผู้รายงานหรือชี้แจงเหตุผลในการขออนุญาตลาหยุด
3.2 การเข้าและออกสถานที่ทำงาน
3.2.1
พนักงานจะต้องเข้าออก
ทางประตูสำหรับพนักงานที่ได้ถูกกำหนดไว้เท่านั้น
ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายบริหารเป็นลายลักษณ์อักษรให้ใช้ทางเข้า-ออกด้านอื่นได้
พนักงานทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ทางเข้าออกด้านประตูหน้าโรงแรม
หากเป็นการปฏิบัติหรืออยู่ในระหว่างหน้าที่ ผู้จัดการแผนกเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้
โปรดระลึกไว้เสมอว่าทางเข้า-ออกหน้าโรงแรมมีไว้เพื่อเฉพาะลูกค้าเท่านั้น
3.2.2
พนักงานต้องพร้อมที่จะแสดงบัตรประจำตัวพนักงาน
ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบได้ในขณะเข้าหรืออกจากโรงแรม
3.2.3
ห้ามพนักงานรูดบัตรลงเวลาให้กับพนักงานอื่น
หากฝ่าฝืนจะต้องดำเนินการทางด้านวินัยโดยเฉียบขาด
3.3 การตรวจค้น
พนักงานจะต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นได้ทั้งในเวลาเข้าออก
หรือขณะอยู่ในบริเวณโรงแรม ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
รวมทั้งของพนักงานด้วยกันเองด้วย
ห้ามพนักงานนำทรัพย์สินส่วนตัวที่เกินความจำเป็นเข้ามาในโรงแรม
เว้นแต่นำมาเพื่อใช้ในขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงแรม
โรงแรมสงวนสิทธิ์ที่จะทำการตรวจค้นตัวของพนักงาน รวมทั้งกระเป๋าเงิน กระเป๋าถือ
หรือกระเป๋าเอกสารได้ทุกขณะที่พนักงานนำเข้าหรืออกจากโรงแรม
พัสดุหีบห่อทุกประเภทที่จะนำเข้ามาในโรงแรมจะต้องได้รับการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเก็บรักษาไว้จนกว่าพนักงานจะเลิกงาน
และให้ติดต่อขอรับคืนไป
ความพร้อมในการระวังภัย!แม้ว่าทางโรงแรมจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยแต่พนักงานควรจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการสอดส่องดูแลหากมีเหตุการณ์
หรือพฤติกรรมน่าสงสัย ให้รีบแจ้งแก่หัวหน้างาน หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เพื่อความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย
3.4 การนำของออกจากโรงแรม
ต้องมีใบผ่านนำของออก
อุปกรณ์ส่งไปเพื่อทำการซ่อม ของขวัญให้แก่พนักงาน
จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้จัดการแผนกก่อนนำออก อุปกรณ์ให้เช่าสินค้าที่ได้ถูกขาย
ของขวัญที่บริษัทผู้ขายสินค้ามอบให้แก่พนักงาน
จะต้องได้รับอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้จัดการทั่วไป
โดยจะต้องแสดงหลักฐานนั้นๆต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจเช็คก่อนนำออกไป
การนำทรัพย์สินของโรงแรมออกไปโดยมิได้รับอนุญาต
ถือว่าเป็นการทำผิดอย่างร้ายแรงและส่งผลในการพิจารณาโทษเลิกจ้างในทันที
3.5 ทรัพย์สินสูญหาย
เป็นความรับผิดชอบของโรงแรมและพนักงานทุกคนในทรัพย์สินของลูกค้า
หากพนักงานพบทรัพย์สินหรือของมีค่าของลูกค้าหรือของบุคคลอื่น
ให้นำสิ่งของนั้นๆส่งมอบแก่แผนกแม่บ้านเพื่อดำเนินการส่งมอบคืนแก่เจ้าของ
หากภายในกำหนดระยะเวลาอันควรไม่มีเจ้าของมาติดต่อขอรับคืน
สิ่งของเหล่านั้นจะมอบให้แก่ผู้ที่พบเห็นต่อไป
หากสิ่งของนั้นมีมูลค่าสูงให้แจ้งผู้จัดการทั่วไปทราบในทันทีเพื่อดำเนินการ
3.6 วินัยของโรงแรม
โดยเจตนารมณ์ของโรงแรม
ในการที่จะให้พนักงานทราบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติตน
และการทำงานร่วมกัน เพื่อให้บริการที่ดีที่สุด
และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าหากพนักงานรู้ เข้าใจ
และยอมรับที่จะปฏิบัติตามมาตรฐาน และเงื่อนไขในการว่าจ้าง
พนักงานจะมีอิสระในการปฏิบัติงานตามความสามารถให้ดีที่สุดและพึงพอใจในความสำเร็จ
มาตรฐานการปฏิบัติตนระหว่างปฏิบัติหน้าที่
1. พนักงานควรปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดตามมาตรฐาน
และมีความมั่นใจได้ว่าให้บริการที่พึงพอใจแก่ลูกค้า
ซึ่งมาตรฐานบริการจะกำหนดโดยหัวหน้างาน
และผู้จัดการแผนกตามปรัชญาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับหน้าที่ และค่านิยมของโรงแรม
ซึ่งวัตถุประสงค์การวัดผลและมาตรฐานในการปฏิบัติงานให้ประสบผลสำเร็จจะต้องได้รับการพัฒนาและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจากพนักงานทุกๆแผนก
2. พนักงานต้องสวมใส่เครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยตลอดเวลาที่ทำงานให้ปรากฏแก่สายตาผู้
พบเห็นด้วยบุคลิกที่ดี
มีสง่าราศีเจาะจงเพื่อให้เหมาะสมกับงาน โดยหัวหน้างานจะเป็นผู้ชี้แนะ
3. พนักงานต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้า
หรือผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากมีข้อ
สงสัยไม่แน่ใจเกี่ยวกับงานให้สอบถามจากหัวหน้าในสายงานโดยไม่ลังเลใจ
4. อุบัติเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
โรงแรมเชื่อว่าความปลอดภัยในสุขภาพ
และจากการทำงานเป็นความรับผิดชอบเบื้องต้น
ซึ่งมีรายละเอียดในคู่มือพนักงานเล่มนี้
5. พนักงานต้องไม่แสดงอคติต่อชื่อเสียงของบริษัทฯไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน
หรือเรื่องอื่นๆ
หากพนักงานท่านใดกระทำการดังกล่าวอาจได้รับการพิจารณาโทษเลิกจ้าง
6. ความกระตือรือร้นในการบริการและดูแลเอาใจใส่ลูกค้าด้วยความสุภาพอ่อนโยนและมี
อัธยาศัยไมตรีที่ดีของพนักงานอย่างสม่ำเสมอจะทำให้โรงแรมมีความภาคภูมิใจ
และเชื่อมั่น
ในการบริการที่มีประสิทธิภาพสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงแรมตลอดไป
7. โรงแรมมีข้อกำหนดกฏระเบียบข้อบังคับที่แน่ชัดในคำสั่ง
ข่าวสาร และการฝึกอบรมไว้ให้
พนักงานทุกคนปฏิบัติตาม
ซึ่งพนักงานมีหน้าที่จะต้องให้ความสนใจในการฝึกฝนปฏิบัติตามคำสั่ง
8. โดยทั่วๆไปแล้วข้อกำหนดหรือกฏเกณฑ์ข้อบังคับในการปฏิบัติของพนักงานนั้น
แต่ละแผนกจะมีนโยบายและข้อกำหนดเป็นการเฉพาะเจาะจงลงไป
หากพนักงานสงสัยให้สอบถามจากหัวหน้างานโดยฉับพลันและไม่ควรลังเลใจที่จะสอบถาม
หมวดที่
9
ระเบียบวินัยและมาตรการการลงโทษทางวินัย
ระเบียบวินัยเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับหน่วยงาน
นโยบายเกี่ยวกับการดำเนินความผิดทางวินัยนั้นมุ่งหมายที่จะให้พนักงานได้ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
และเพื่อเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่จะดำเนินการลงโทษ
1.
ระเบียบขั้นตอนการลงโทษทางวินัย
เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานทุกคน
โรงแรมจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรการการลงโทษพนักงานซึ่งได้กระทำการฝ่าฝืนระเบียบ
ข้อบังคับในการทำงาน โดยอาศัยเหตุผลของการกระทำกับความเหมาะสมของการกระทำความผิด
โดยที่ทางโรงแรมได้มีการกำหนดมาตรการการลงโทษไว้
เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักถึงการกระทำผิดเพื่อมิได้กระทำความผิดซ้ำอีกในคราวต่อไป
มาตรการในการลงโทษที่ทางโรงแรมได้กำหนดบทลงโทษเรียงตามลำดับ ดังนี้คือ
การตักเตือนด้วยวาจา เป็นมาตรการการลงโทษพนักงานที่กระทำความผิดฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานในคราวแรก
การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1
เป็นมาตรการลงโทษพนักงานที่กระทำความผิดซ้ำกับในกรณีความผิดเดียวกันกับการกระทำความผิดครั้งแรก
ที่ได้รับการตักเตือนด้วยวาจามาแล้ว แต่ได้กระทำผิดอีกภายในระยะเวลาที่การตักเตือนด้วยวาจายังมีผลใช้บังคับอยู่
การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 2
เป็นมาตรการลงโทษพนักงานที่กระทำความผิดซ้ำกับในกรณีมีความผิดเดียวกันกับการกระทำความผิด
ที่ได้รับการเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ครั้งที่ 1 มาแล้ว แต่ได้กระทำความผิดอีกภายในระยะเวลาที่การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร
ครั้งที่ 1 ยังมีผลใช้บังคับอยู่
การเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 3
เป็นมาตรการลงโทษพนักงานที่กระทำความผิดซ้ำกับในกรณีความผิดเดียวกันกับการกระทำผิดที่ได้รับการเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร
ครั้งที่ 2 มาแล้ว
แต่ได้กระทำผิดอีกภายในระยะเวลาที่การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 2
ยังมีผลใช้บังคับอยู่
การปลดออกจากการเป็นพนักงาน
เป็นมาตรการลงโทษพนักงานที่กระทำความผิดวินัยที่ได้รับการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่
3 ในความผิดฐานเดียวกัน
2.
พนักงานที่ได้กระทำการฝ่าฝืนระเบียบวินัย
ดังที่ได้กำหนดไว้ในข้อความดังกล่าวต่อไปนี้
ทางโรงแรมถือว่าพนักงานผู้กระทำการนั้นได้กระทำความผิดทางวินัย ซึ่งจะต้องได้รับการลงโทษทางวินัยตามมาตรการในการลงโทษตามที่ทางโรงแรมได้กำหนดไว้เรียงเป็นลำดับ
ตามข้อ 1 คือ
2.1 อิดเอื้อน
เถลไถลในการปฏิบัติงาน
2.2ไม่รายงานในทันทีที่พบเห็นผู้ได้รับบาดเจ็บภายในบริเวณโรงแรม
หรือเมื่อทราบว่าเครื่อง
เฟอร์นิเจอร์
เครื่องจักร หรือทรัพย์สินอื่นๆของโรงแรม กำลังจะได้รับความเสียหาย
2.3
ไม่รับประทานอาหารต่างๆ ภายในเขตหวงห้าม
2.4ไม่พกหรือแสดงบัตรประจำตัวพนักงานขณะที่อยู่ภายในโรงแรม
หรือไม่แจ้งให้แผนก
ทรัพยากรมนุษย์ทราบกรณีที่บัตรได้สูญหาย
2.5
ไม่ติดป้ายชื่อที่กำหนดให้ หรือใช้ป้ายชื่อไม่ถูกต้อง
2.6ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของโรงแรมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ
เอ็กซเรย์ หรือเกี่ยวกับการป้องกัน
อัคคีภัยอื่นๆ
เป็นต้น
2.7
สวมเครื่องแบบของโรงแรมออกไปนอกบริเวณโรงแรม ขณะปฏิบัติหน้าที่หรือเวลาพัก หรือ
สวมกลับบ้าน
2.8
ไม่ใช้ทางเข้า-ออก ของโรงแรม ที่ได้กำหนดไว้ให้สำหรับพนักงานซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของห้อง
ลงเวลา
2.9
ฝ่าฝืนกฏข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยทั่วๆไป หรือกระทำการใดๆ
ที่อาจจะทำให้บุคคลอื่น
ได้รับอันตรายหรือเจตนาเก็บทรัพย์สินของโรงแรม
หรือของลูกค้าในสถานที่ที่อาจจะทำให้สูญหายหรือเกิดการเสียหายได้
2.10
สูบบุหรี่ต่อหน้าแขกขณะปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่ให้บริการกับลูกค้า
ในบริเวณปรุงอาหาร
หรือในบริเวณใดๆที่มีป้าย
“ห้ามสูบบุหรี่” ติดอยู่
หรือเคี้ยวหมากฝรั่งขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าลูกค้า
2.11
ปฏิเสธที่จะให้การ หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของ
โรงแรม พนักงานต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นในขณะเข้าหรือออกจากโรงแรม
2.12
ใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกซึ่งมีไว้สำหรับลูกค้าใช้
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้จัดการ
แผนก
หรือผู้จัดการทั่วไป
2.13
ไม่มาปฏิบัติงานภายในวันและเวลาตามที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งวันหยุดประจำสัปดาห์
หรือ
วันหยุดตามประเพณีนิยม
โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
2.14 ปิดประกาศ
ปลดออก เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อความลงในสิ่งตีพิมพ์ หรือประกาศของ
โรงแรมที่ติดอยู่ตามบอร์ดประกาศ
หรือภายในบริเวณโรงแรม นอกจากได้รับอนุญาตจากฝ่ายบริหาร
2.15โฆษณาอาหารหรือขายสินค้า
หรือประกอบธุรกิจการซื้อขายส่วนตัวภายในบริเวณโรงแรม
2.16
ประกอบปรุงอาหารภายในบริเวณโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.17
เล่นกีฬาในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
2.18
ให้การต้อนรับลูกค้าของพนักงานภายในบริเวณเขตหวงห้าม
2.19
ละทิ้งหน้าที่ในระหว่างเวลาปฏิบัติงาน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้จัดการแผนก
2.20
แจ้งอาการป่วยด้วยความเท็จ
2.21ไม่ใช้ความระมัดระวังหรือละเลยทำให้ทรัพย์สินของโรงแรมได้รับความเสียหายหรือสูญหาย
2.22
ใช้ยานพาหนะของโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.23
รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.24 ทำธุรกิจส่วนตัวกับแขกของโรงแรม
2.25
ไม่เชื่อฟัง หรือขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันชอบธรรมตามกฏหมาย
2.26
ใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.27
ขู่จะทำร้ายร่างกาย ขู่เข็ญหรือขู่บังคับพนักงานอื่นภายในบริเวณโรงแรม
2.28 ใช้ชื่อของโรงแรม
เพื่อการค้าส่วนตัว หรือเพื่อประกอบธุรกิจอันเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดย
ไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายบริหาร
2.29
รับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่จะใช้บริการ หรือขายให้กับลูกค้า
2.30
นอนหลับในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือหลับภายในบริเวณโรงแรม หลังพ้นจากหน้าที่แล้ว โดย
ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้จัดการแผนก
2.31
ให้การเท็จเมื่อมีการสอบสวนหรือไต่สวน
2.32
ไม่คืนของที่เก็บได้ให้แก่แผนกแม่บ้าน
2.33
ประพฤติหรือปฏิบัติตน หรือบริการลูกค้า หรือพนักงานอื่นในลักษณะที่หยาบโลน หรือผิด
วัฒนธรรมประเพณีของไทย
2.34
เจตนาไม่สุภาพ ลบหลู่ หยาบคาย อวดดี หรือไม่ให้ความสำคัญในการต้อนรับลูกค้าของ
โรงแรม
2.35
จัดหรือดำเนินการซื้อสินค้าในนามของโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.36ใช้บริเวณสถานที่ต่างๆของโรงแรมเพื่อพบปะสังสรรค์
หรือจัดงานเลี้ยง โดยไม่ได้รับอนุญาต
จากผู้จัดการทั่วไป
2.37เข้าไปในห้องพักของลูกค้าหรือเข้าไปในบริเวณสถานที่ต่างๆของโรงแรมที่มีไว้เพื่อให้ลูกค้า
ได้ใช้บริการโดยเฉพาะกับลูกค้านอกเวลาปฏิบัติงาน
โดยมิได้อนุญาตจากผู้จัดการแผนก หรือผู้จัดการที่รักษาการอยู่ในขณะนั้น
3.
ในกรณีความผิดดังที่ได้กำหนดไว้ต่อไปนี้ ถ้าหากพนักงานผู้ใดได้กระทำฝ่าฝืน
ทางโรงแรมสามารถใช้มาตรการลงโทษขั้นปลดออกจากงานได้โดยมิต้องใช้มาตรการลงโทษเรียงตามขั้นตอนแต่อย่างใด
คือ
3.1 ดื่มเครื่องดองของเมาในขณะปฏิบัติหน้าที่
หรือภายในบริเวณโรงแรม หรือมาทำงานในขณะที่มี
อาการมึนเมาจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
เนื่องจากดื่มเครื่องดองของเมา หรือยาเสพติดให้โทษอื่น
3.2
ทุจริตเงินของบริษัทฯ หรือทุจริตในหน้าที่
หรือกระทำความผิดทางอาญาด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท
3.3.รูดบัตรลงเวลาให้พนักงานอื่น
หรือขอร้องให้พนักงานอื่นรูดบัตรลงเวลาให้
3.4 ยักยอก ขโมยทรัพย์สินของบริษัทฯ
ของลูกค้า หรือของพนักงานด้วยกันเอง
3.5 ครอบครองลูกกุญแจต่างๆ ของบริษัทฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
หรือจำลองลูกกุญแจเพื่อใช้เปิดประตูห้องต่างๆของบริษัทฯ
3.6
ปลอมแปลงเอกสารของทางโรงงแรม
3.7
เสพหรือครอบครองยาเสพติดให้โทษภายในบริเวณโรงแรม
3.8 พกปืน ระเบิด
หรือาวุธที่เป็นอันตรายร้ายแรงภายในบริเวณโรงแรม
3.9
เปิดเผยความลับของโรงแรม ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคู่แข่งขัน
หรือผู้ประกอบการอื่นๆ อันอาจทำให้โรงแรมเสียผลประโยชน์หรือได้รับความเสียหาย
3.10
ละทิ้งหน้าที่ ขาดงานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้จัดการแผนก
3.11
เจตนาทำลายทรัพย์สิน ชื่อเสียงและความมั่นคงของโรงแรม
3.12
เข้าร่วมหรือจัดให้มีการเล่นการพนันภายในบริเวณโรงแรม
3.13ก่อการทะเลาะวิวาท
หรือยั่วยุให้มีการต่อสู้กัน หรือเจตนาทำร้าย
หรือทำลายทรัพย์สินของพนักงานอื่นๆภายในบริเวณโรงแรม
3.14ต้องคดีอาญาและต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
3.15
ประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้โรงแรมได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
3.16 ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงานดังปุถุชนพึงปฏิบัติ
3.17
เจตนาใช้ระบบคอมพิวเตอร์ผิดวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ
3.18
เจตนาเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯโดยมิชอบ เพื่อเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือทำให้เสียหายซึ่งระบบ
หรือทำลายทิ้งซึ่งหลักฐานข้อมูลของบุคคล ของแผนกหรือของบริษัทฯ
โดยเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตนเองหรือของบุคคลอื่น
3.19เจตนาทำให้เสื่อมเสียถึงตัวบุคคล
ถึงแผนก ถึงบริษัทฯ โดยใช้ระบบสื่อสารคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯเผยแพร่ซึ่งรูปภาพ
ข้อมูล ข่าวสาร หรือข้อความอันขัดต่อศีลธรรมและจารีตประเพณีอันดีงามที่พึงปฏิบัติ
4. การสิ้นสุดระยะเวลาบังคับของการเตือน
การตักเตือนจะมีระยะเวลาสิ้นสุดอายุความ
หากไม่มีการฝ่าฝืน หรือกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก
การตักเตือนที่มีอยู่ก่อนแล้วนั้นก็ย่อมที่จะหมดสภาพการบังคับหรือถูกเพิกถอนไป
วันที่มีผลในการตักเตือนจะถือจากการตักเตือนครั้งใหม่
การตักเตือนจะสิ้นสุดการบังคับ ดังนี้
-
การตักเตือนด้วยวาจา
สิ้นสุดผลของการบังคับในระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่กระทำผิดวินัย
-
การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร
สิ้นสุดผลของการบังคับใช้ในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้
กระทำผิดวินัย
ยกเว้นกรณีการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องการมาสาย
ให้เป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
5.ผู้มีอำนาจในการลงโทษทางวินัยแก่พนักงานที่ได้กระทำความผิด
5.1 ผู้จัดการแผนกที่พนักงานผู้กระทำผิดวินัยสังกัดอยู่ร่วมกันกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
มีอำนาจในการตักเตือนด้วยวาจา
5.2
ผู้จัดการแผนกที่พนักงานผู้กระทำความผิดวินัยสังกัดอยู่ร่วมกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
และรองผู้จัดการทั่วไป หรือผู้จัดการทั่วไป
มีอำนาจในการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
5.3
ผู้จัดการแผนกที่พนักงานผู้กระทำความผิดวินัยสังกัดอยู่ร่วมกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
และรองผู้จัดการทั่วไป หรือผู้จัดการทั่วไป
มีอำนาจในการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 3 และมีอำนาจปลดออกจากงาน
6. กรณีที่โรงแรม
ปลดพนักงานออก หรือให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ด้วยสาเหตุซึ่งมิใช่เนื่องจาก
การประพฤติมิชอบทุจริต
หรือกระทำความผิดวินัยร้ายแรง โรงแรมจะดำเนินการ
6.1 แจ้งให้สหภาพแรงงานทราบก่อนที่จะดำเนินการ
6.2 จ่ายเงินชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
6.3 กรณีที่พนักงานได้กระทำความผิดวินัยร้ายแรงพนักงานจะถูกปลดออก และไม่ได้รับ
เงินชดเชยใดๆ โดยโรงแรมยินยอมให้กรรมการสหภาพแรงงานฯ อย่างน้อย
2 คนเข้าร่วม
ฟังการพิจารณา
หมวดที่
10
มาตรการการเลิกจ้าง
และค่าชดเชยตามกฏหมายและเงินบำเหน็จ
1. โรงแรมจะเลิกจ้างพนักงานในกรณีดังต่อไปนี้
1.1ในกรณีที่พนักงานมีอายุครบ 60
ปีบริบูรณ์ หรือกรณีที่พนักงานสมัครใจขอเกษียณอายุ
ก่อนครบ 60 ปี
1.2 ในกรณีที่ระยะเวลาตามสัญญาจ้างที่ได้กำหนดไว้สิ้นสุดลง
1.3
ในกรณีที่พนักงานไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้อีกเนื่องจากสุขภาพไม่สมบูรณ์ โดยมี
ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้น
1 ระบุว่าเจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก
1.4 ในกรณีถึงแก่กรรม
2. โรงแรมตกลงจะจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับพนักงานที่ต้องถูกเลิกจ้างตามอัตราที่ได้กำหนดไว้ใน
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
3. ทางโรงแรม
จะจ่ายเงินบำเหน็จตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างตาม
ข้อ 1 ดังนี้คือ
3.1
พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง
อัตราสุดท้าย 30 วัน
3.2 พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ
3 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง
อัตราสุดท้าย
90 วัน
3.3 พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ
6 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง
อัตราสุดท้าย
180 วัน
3.4
พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาครบ 6 ปี
แต่ไม่ครบ 10 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง
อัตราสุดท้าย
240 วัน
3.5พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาครบ
10 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตรา
สุดท้าย
300 วัน
หมวดที่ 11
การร้องทุกข์และการอุทธรณ์
นโยบายของบริษัทฯเกี่ยวกับข้อร้องทุกข์และการอุทธรณ์ความเดือดร้อนของพนักงาน
คือ
ทางบริษัทฯจะดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพนักงานอย่างรวดเร็วและด้วยความเป็นธรรม
ขั้นตอนและวิธีการดำเนินการร้องทุกข์และการอุทธรณ์มีดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1
คำร้องทุกข์ของพนักงานเกี่ยวกับสภาพการทำงานและคำตัดสินของฝ่ายจัดการจะได้รับการแก้ไขโดยหัวหน้างานโดยตรงของพนักงานอย่างช้าไม่เกิน
3 วันทำงาน
ขั้นที่ 2
การอุทธรณ์
คือคำร้องทุกข์ที่ยังแก้ไขไม่ได้ หรือเรื่องของความพอใจ
ซึ่งหัวหน้างานโดยตรงของพนักงานไม่สามารถแก้ไขได้หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว
การอุทธรณ์ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้จัดการแผนกเพื่อให้พิจารณาและตัดสินหลังจากที่หัวหน้างานโดยตรงของพนักงานไม่สามารถแก้ไขข้อข้องใจได้
ขั้นที่ 3
ถ้าพนักงานยังไม่พอใจเกี่ยวกับคำตัดสินของผู้จัดการแผนก
พนักงานอาจอุทธรณ์ขอให้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ตรวจสอบและตัดสินใหม่ได้
ขั้นที่ 4
ถ้าพนักงานยังไม่พอใจเกี่ยวกับคำตัดสินของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
พนักงานอาจขอให้มีการตรวจสอบคำอุทธรณ์ได้โดยผู้จัดการทั่วไป
คำตัดสินในระดับนี้ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด
และการขอให้มีการตรวจสอบในระดับนี้ต้องส่งผ่านผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์เป็นลายลักษณ์อักษร
ฝ่ายจัดการจะต้องพยามยามทุกวิถีทางเพื่อให้มีการตัดสินหนังสือที่ยื่นอุทธรณ์ให้ได้ภายในเวลา
5 วันทำงาน หลังจากที่ได้รับเรื่องการยื่นอุทธรณ์ในแต่ละขั้นตอน
หมวดที่ 12
การพักงานในระหว่างสอบสวน
ในกรณีที่มีการสอบสวนพนักงานซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัย
และการสอบสวนนั้นยังไม่สิ้นสุด โรงแรมจะสั่งพักงานผู้นั้นมีกำหนดเวลาไม่เกิน 7 วัน
โดยต้องแจ้งให้พนักงานผู้นั้นทราบเป็นหนังสือระบุความผิดและกำหนดระยะเวลาพักงานทราบล่วงหน้าก่อนการพักงาน
และโรงแรมต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่พนักงานผู้นั้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นวันที่พนักงานผู้นั้นได้รับอยู่ก่อนถูกพักงาน
และเมื่อมีการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และปรากฏว่าพนักงานผู้นั้นไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
โรงแรมจะจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานผู้นั้นเพิ่มให้อีกร้อยละ 50 ของค่าจ้างในส่วนของวันที่ถูกพักงาน
ขยายความเพิ่มเติมข้อบังคับในการทำงาน
และข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
ฝ่ายบริหาร
โรงแรมนารายณ์ สงวนสิทธิ์ในการที่จะยกเลิก แก้ไข
และเพิ่มเติมข้อบังคับในการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงสภาพการจ้าง
เป็นบางส่วน หรือทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้
หากหนังสือคู่มือพนักงานฉบับนี้มีผลเมื่อใช้บังคับเมื่อใด
ให้ยกเลิกข้อบังคับในการทำงาน ในหนังสือคู่มือพนักงานฉบับลงวันที่ Date Month Year
ประกาศ ณ วันที่ Date Month Year
บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด
http://www.naraihotel.co.th ia@naraihotel.co.th